หากกัดฟันและอดทนมากกว่านี้ บางทีโศกนาฏกรรมอาจจะเกิดขึ้นไวกว่านี้
คนที่เข้าใจฉินเหยียนดีที่สุดคือจจ้าวจือหย่า แม้ว่าฉินเหยียนไม่เคยบอกว่าตนเหนื่อย แต่นางรู้ดีว่าตอนนี้ฉินเหยียนหมดแรงแล้ว
“ท่านอ๋อง พักผ่อนก่อนเถิดเพคะ ที่เหลือหม่อมฉันจัดการเอง”
เสียงของจ้าวจือหย่าเต็มไปด้วยความห่วงใย นางมองไปที่ฉินเหยียนด้วยสีหน้าเป็นห่วง
นางไม่อาจเห็นเขาทำงานหนักขนาดนี้ได้ ขาสามารถปล่อยให้ทหารทำตามคำสั่งเขาได้ อีกอย่างการที่เขาทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
แต่ฉินเหยียนกลับส่ายหน้าและพูดอย่างขมขื่น
“ข้าจะพักก่อนได้อย่างไร ในเมื่อมีประชาชนเดือดร้อนมากขนาดนี้?”
เขาถอนหายใจยาวและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิด ไม่เห็นดาวแม้แต่ดวงเดียว
ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดผสมเข้ากับลมเย็นๆ ทำให้เขาได้สติขึ้นมาบ้าง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ไม่ว่าจะภพที่เขาจากมาหรือในภพนี้ ภัยพิบัติที่เขาเผชิญล้วนเป็นผลมาจากเหตุการณ์หลัก จำนวนผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรมากนัก
แต่เมื่อเขาเห็นกับตาตัวเองว่ามีศพถูกนำออกมาจากซากปรักหักพัง และเมื่อเขาเห็นแววตาที่สิ้นหวังของประชาชน ในที่สุดเขาก็เข้าใจจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ภัยพิบัตินี้...
ความรู้สึกนี้ เป็นเรื่องที่ไม่อาจรับได้จริงๆ
เมื่อเห็นฉินเหยียนเป็นเช่นนี้ จ้าวจือหย่าก็พูดโน้มน้าวต่อ แต่คำพูดทั้งหมดของนางกลับจุกอยู่ที่คอ ท้ายที่สุดนางร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดออกมาว่า
“ท่านอ๋อง ถ้าท่านเหนื่อยด้โปรดเรียกหม่อมฉัน หม่อมฉันจะช่วยท่านดูเองเพคะ”
ฉินเหยียนหันไปมองนาง ยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า
คืนนี้ คงเป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ...
ตอนเช้ามืด แสงแดดอันอบอุ่นส่องมาที่เมืองฉี
ฉินเหยียนนั่งพิงไปที่กำแพงอย่างเหนื่อยล้า
ในเวลานี้เขาปวดหัวราวกับว่าพร้อมจะระเบิดเมื่อใดก็ได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเขานอนไม่หลับ
จ้าวจือหย่ายกชามโจ๊กร้อนๆ มาแล้วพูดเบาๆ ว่า “ท่านอ๋อง ดื่มโจ๊กก่อนเถิดเพคะ”
ฉินเหยียนรับโจ๊กมาและพูดขอบคุณ มองโจ๊กในมือแล้วถามขึ้นว่า
“ประชาชนล่ะ? พวกประชาชนได้กินบ้างหรือยัง?”
จ้าวจือหย่าคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าฉินเหยียนต้องถามคำถามนี้ นางจึงตอบกลับว่า
“ไม่ต้องกังวลเพคะฝ่าบาท เรื่องนี้ท่านยังไม่ชินอีกหรือ? โรงโจ๊กตั้งตั้งแต่เช้าแล้วเพคะ ทุกคนในเมืองได้ดื่มแน่นอนเพคะ”
สำหรับเมืองที่ได้รับผลกระทบ นอกจากอาณาจักรหลู่และมณฑลโดยรอบแล้ว เกรงว่าอาจจะมีอีกกว่าสองร้อยครัวเรือน
นี่เป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก และส่งผลกระทบต่อเมืองที่อยู่ห่างไกลที่สุดและไปถึงอาณาจักรจ้าวด้วย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
นี่คือเหตุผลว่าทำไมอาณาจักรฉินถึงเพิ่มความช่วยเหลือในการบรรเทาภัยพิบัติในวันนี้ พูดได้ว่าเขาให้ความช่วยเหลือแบบไม่สนใจต้นทุนและผลที่ตามมา
ดูเหมือนว่าทั้งจิ่วโจวทำงานร่วมกัน แม้ว่าพวกเขาจะต้องใช้เงินทั้งหมด แต่พวกเขาก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้น ก็มีข่าวใหม่ที่ได้ใจประชาชนทั้งจิ่วโจว
นั่นคืออ๋องเหยียนตอนนี้อยู่ที่อาณาจักรหลู่
ในเวลานี้ไม่มีใครสงบสติอารมณ์ได้ แม้แต่นักบวชลัทธิเต๋าก็รีบลงจากเขาช่วยอาณาจักรหลู่บรรเทาภัยพิบัติ
นอกเหนือจากการบริจาคเงินและข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ แล้ว ความพยายามในการบรรเทาภัยพิบัติยังลามไปทั่วทั้งจิ่วโจว ประชาชนจากมณฑลและเมืองต่างๆ รวมตัวกันเป็นกลุ่ม แบกจอบเสียม ขับรถลากเกวียน แม้แต่อุ้มไก่แก่ๆ ไปด้วย บอกว่าพวกเขากำลังจะไปยังอาณาจักรหลู่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
หากมีคนหรือสองคนทำเช่นนี้แล้ว บางทีคนฟังอาจจะหัวเราะออกมาคิดว่าเป็นเรื่องตลก
แต่ถ้าบอกว่ากลุ่มคนเหล่านี้เหมือนแม่น้ำที่ไหลไปบรรจบกันที่อาณาจักรหลู่ล่ะ?
ประกายไฟเพียงจุดเดียวสามารถทำให้ลามไปทั่วทุ่งได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...