“เฮ้อ รีบกลับเมืองหลวงกันเถิด” ฉินเหยียนตอบกลับ
ขบวนรถม้าต่างรีบเดินทางต่อ ผ่านไปไม่กี่วันก็ถึงอาณาจักรฉิน
...
อาณาจักรฉิน พระราชวังหลวง
ในตอนที่ฉินชงว่าง เขาก็ไปที่เรือนหมอหลวงเพราะฉินอวี่พักฟื้นอยู่ที่นั่น
หลังจากที่พักฟื้นมาหลายวัน ในที่สุดอาการของฉินอวี่ก็ดีขึ้น และเมื่อวานในที่สุดอีกฝ่ายก็ได้สติเสียที
แต่ฉินชงมาไม่ได้อยู่ที่นั่นตอนที่อีกฝ่ายได้สติ ตอนที่เขากลับมา อีกฝ่ายก็หมดสติจนอาการทรุดอีกครั้ง เขาจึงไม่มีโอกาสได้เข้าเยี่ยมอีกฝ่าย
วันนี้หลังจากที่ฉินชงจัดการธุระเสร็จสิ้น เขาก็รีบมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
ที่หน้าประตู บรรดาหมอหลวงเมื่อเห็นฉินชงมาถึง พวกเขาทั้งหมดต่างพากันคุกเข่าลงและทำความเคารพ ฉินชงโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายลุกขึ้น
“เจ้าเจ็ดอาการเป็นอย่างไรบ้าง? วันนี้ได้สติหรือยัง?”
“ฝ่าบาท สีหน้าของอ๋องอวี่ดีขึ้น แต่วันนี้เขายังไม่ได้สติพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าน่าจะอีกสองสามวัน อ๋องอวี่ถึงจะฟื้น” หมอหลวงกราบทูลกลับด้วยความเคารพ
ฉินชงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
“ตอนนี้เขาพ้นขีดอันตรายแล้วหรือยัง?”
หมองหลวงยิ้มอย่างขมขื่น ส่ายหน้าตอบกลับว่า
“เรื่องนี้ กระหม่อมก็ไม่อาจรับปากได้ อาการบาดเจ็บของอ๋องอวี่นั้นรุนแรงมากเกินไป หากมีอะไรผิดพลาด อ๋องอวี่อาจจะ...!”
ความหมายของหมอหลวงนั้นชัดเจนมาก หากฉินอวี่ทนไม่ไหว มีความเป็นไปได้มากที่จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ฉินชงขมวดคิ้วและเงียบเป็นเวลานาน จากนั้นโบกมือแล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากที่หมอหลวงออกไป ฉินชงก็เดินเข้าไปพระราชวัง
ในเวลานี้ฉินอวี่นอนอยู่บนเตียง
แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้สติ แต่การหายใจของเขายังคงคงที่ สีหน้าเริ่มดีขึ้น มีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง
ฉินชงเดินไปข้างเตียง จ้องฉินอวี่อยู่นาน จากนั้นนั่งลงบนเตียงแล้วถอนหายใจ
“เจ้าเจ็ด อย่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเจ้าเลยนะ อาณาจักรฉินที่ยิ่งใหญ่นี้ ข้าไม่สามารถจัดการและบริหารได้ด้วยตัวคนเดียวได้ เจ้านอนหลับไม่ได้สติเช่นนี้ เจ้าสิบสี่ก็ล้มป่วยเพราะทำงานหนักมากเกินไป พวกเจ้าอยากให้ข้าต้องเผชิญหน้าและแบกรับอาณาจักรฉินนี้ไว้คนเดียวหรือ?”
ฉินอวี่เหมือนจะได้ยินคำพูดของฉินชง เขาหายใจถี่ขึ้น หน้าอกของเขากระเพิ่มขึ้นอย่างแรง
ฉินชงมองไปที่ฉินอวี่อย่างมีความสุข เขาจับมือฉินอวี่แล้วพูดเบาๆ
“เจ้าเจ็ด ข้าเอง ได้โปรดตื่นขึ้นมาหาข้าเถิด”
เปลือกตาฉินอวี่สั่นไหวสองสามครั้ง จากนั้นค่อยๆ เปิดออก ราวกับว่าเขาได้สติกลับมา
“พี่... พี่ใหญ่”
ใบหน้าของฉินอวี่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล มีเพียงช่วงปากเท่านั้นที่ไม่ได้พันไว้ เสียงขาดๆ หายๆ เป็นช่วงๆ
หมอหลวงทั้งสองก้มหน้าลง ได้แต่นิ่งเงียบ พวกเขาเข้าใจว่าอ๋องอวี่สำคัญเพียงใด ดังนั้นก่อนหน้านี้พวกเขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอีกฝ่าย ตอนนี้ทำได้แค่รอเท่านั้น พวกเขาไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่านี้แล้ว มิฉะนั้นผลจะกลับกันทันที
ฉินชงสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธในใจของเขาและปลอบใจฉินอวี่
“เจ้าเจ็ด อดทนไว้นะ เจ้าต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ รอให้เจ้าฟื้นตัวทุกอย่างจะดีขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น หากเจ้าต้องการปลอบโยน จงมาเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภให้อาณาจักรฉิน หากเจ้าต้องการต่อสู้ จงมาเป็นแม่ทัพ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าเลย ดีหรือไม่?”
ฉินอวี่ยิ้มมุมปาก จากนั้นพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ขอบ... ขอบพระทัยท่านพี่...”
“พูดเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเราเป็นพี่น้องกันนี่”
ฉินชงยิ้มเล็กน้อย เขาต้องการพูดต่อ แต่ฉินอวี่กลับไม่ได้สติอีกครั้ง
ทำให้ฉินชงตกใจมาก เขารีบพูดขึ้นมาทันที “รีบเข้ามาดูน้องข้า เจ้าเจ็ดเป็นอะไรอีกแล้ว?”
เมื่อเห็นดังนั้น หมอหลวงจึงรีบเข้าไปดูและวินิจฉัย
หลังจากจับชีพจร หมอหลวงคนหนึ่งกราบทูลขึ้นมาว่า
“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งตกใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะ อ๋องอวี่หมดสติเพราะหมดแรง ให้เขานอนพักสักหน่อย เขาจะตื่นขึ้นอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำไมถึงเดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น ไม่ได้เกิดผลข้างเคียงอะไรใช่หรือไม่?”
หมอหลวงเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วน พุดอย่างระมัดระวัง
“เรื่องนี้ กระหม่อมเองก็รับปากไม่ได้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...