องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1308

ฉินชงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขายกไหเหล้าขึ้นมาแล้วเทลงเต็มจอก จากนั้นก็ดื่มจนหมด และพูดอย่างสะลึมสะลือว่า

“เจ้าสิบสี่ เจ้ามาเป็นฮ่องเต้ดีรึไม่?”

ฉินเหยียนอึ้งไป จากนั้นเขาก็พูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า

“พี่ใหญ่ทำอะไรกันเนี่ย เรื่องนี้คุยกันหลายครั้งแล้ว เรื่องเดียวกันไม่ควรเกิดซ้ำเกินสามครั้งสิ จู่ๆเหตุใดจึงเปลี่ยนใจเล่า?”

ฉินชงส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ จากนั้นก็พูดอย่างหดหู่ว่า

“ในวันใกล้พิธีราชาภิเษกเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าเจ็ด ไม่นานเจ้าก็หมดสติไปด้วย อาณาจักรหลู่ยังเกิดแผ่นดินไหวอีก มีผู้ล้มตายไปหลายแสนคน...... เจ้าสิบสี่ ภัยพิบัติหลายต่อหลายครั้งนี้เป็นชะตาลิขิต ไม่อาจขัดขืนได้”

“เดี๋ยวสิพี่ใหญ่ ก่อนหน้านี้เราต่อสู้ยึดครองใต้หล้ามาหลายครั้ง เหตุใดจึงงดงามเช่นนี้เล่า?”

“ข้าไม่ได้งมงาย ข้ารู้สึกว่าชะตาลิขิตเช่นนี้”

“พี่ใหญ่ ดื่มมากเกินไปหรือเปล่า?”

ฉินชงทำสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็พูดจากใจว่า “ข้าไม่ได้ดื่มมากไป ข้ามีสติดี เจ้าสิบสี่ฟังข้านะ เจ้าเป็น......”

“หยุดเลยพี่ใหญ่!”

ฉินเหยียนรีบโบกมือ จากนั้นเขาเองก็พูดอย่างจริงจังว่า

“ที่พี่เจ็ดได้รับบาดเจ็บ นั่นเพราะข้าวางแผนไม่รอบคอบ คุ้มครองได้ไม่ดีพอ เขาเองก็ส่งคนให้มาคุ้มครองข้า จนมองข้ามตนเองไป ส่วนเรื่องแผ่นดินไหวในอาณาจักรหลู่ นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ฟ้าลิขิตอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นฮ่องเต้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

“อีกอย่างเรื่องของข้าก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฟ้าลิขิต ก็เหมือนที่เจ้าบอก ข้าอวดดีเองทั้งนั้น”

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วฉินเหยียนก็สีหน้าจริงจังมากยิ่งขึ้น เขาพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมอย่างยิ่งว่า

“พี่ใหญ่ เจ้าคือฮ่องเต้ไร้มงกุฎ คือฮ่องเต้แห่งอาณาจักรฉินในอนาคต เรื่องนี้ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เปลี่ยนแปลงเรื่องบัลลังก์เองตามใจเช่นนี้ เจ้าอยากเห็นใต้หล้านี้เกิดความโกลาหลงั้นรึ?”

เมื่อได้ยินฉินเหยียนพูดประโยคสุดท้าย ฉินชงก็ขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงความลังเลออกมา

เขาลังเลไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจยาวๆ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า

“แต่ว่าเจ้าสิบสี่ ที่จริงข้า......”

ฉินเหยียนถอนหายใจแล้วยิ้มพูดว่า “ไม่มีที่จริงอะไรทั้งนั้น ข้าและพี่เจ็ดจะสนับสนุนเจ้าตลอดไป เจ้าคอยควบคุมทุกอย่าง ข้าและพี่เจ็ดจะคอยสนับสนุนพื้นที่ชายแดนเอง เราสามพี่น้องคอยร่วมมือร่วมใจกัน หากล่มสลายจริงๆก็ถูกด่าทอไปด้วยกันก็พอแล้ว!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินเหยียนแล้ว ฉินชงก็ตาค่อยๆเป็นประกายขึ้นมา ความรู้สึกไม่มั่นใจก็ได้หายไปจนหมด

ฉินเหยียนยิ้มแล้วชูจอกเหล้าขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็พูดว่า

“เพื่ออนาคตของอาณาจักรฉิน ชนแก้ว!”

“ชนแก้ว!”

องครักษ์ที่อยู่ข้างๆรินเหล้ารสเลิศที่อยู่เบื้องหน้าให้ทั้งสองคน ทั้งสองชนแก้วกันแล้วดื่มจนหมด

เมื่อดื่มจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ฉินชงที่มึนเมาก็มองฉินเหยียนที่พูดอย่างติดอ่างแล้ว จึงพูดอย่างขบขันว่า

เมื่อฉินเหยียนเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วจ้าวจือหย่าก็พยุงเขาออกมาด้วยกัน แล้วเดินเล่นอยู่ในพระราชวัง

เมื่อมองไปที่สิ่งก่อสร้างรอบๆ ฉินเหยียนก็นึกถึงเรื่องที่พูดขึ้นกับฉินชงได้ เขาหันหน้าถามขึ้นว่า

“จือหย่า เจ้าคิดว่าพระราชวังอาณาจักรฉินบัดนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

จ้าวจือหย่ามองไปรอบๆแล้วก็ตอบกลับเบาๆว่า “รู้สึกว่าคงต้องบูรณะบ้างแล้วเพคะ”

“เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นรึ?”

ฉินเหยียนประหลาดใจ จากนั้นก็พูดว่า “นั่นหมายความว่าต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้แล้ว อย่างไรพระราชวังก็เป็นหน้าเป็นตาของอาณาจักรฉิน”

“ท่านอ๋องวางแผนจะบูรณะพระราชวังรึเพคะ?”

ฉินเหยียนลังเล จากนั้นก็พูดว่า “บูรณะพระราชวัง......ข้าคิดว่าสร้างใหม่ดีกว่า”

แม้ว่าการบูรณะจะทำให้ดูดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงขนาดของพระราชวังได้ ที่สำคัญที่สุดคือตำแหน่งเมืองหลวงแห่งอาณาจักรฉินอยู่ห่างไกล ซึ่งไม่เอื้อต่อการควบคุมโดยรวม

จ้าวจือหย่าได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง

“แล้วท่านอ๋องคิดว่าเราควรจะสร้างใหม่ที่ใดรึเพคะ?”

นางกะพริบตาคู่สวยแล้วมองฉินเหยียนอย่างคาดหวัง

ฉินเหยียนเองก็ไม่รู้ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ต้องหารือกับพี่ใหญ่เสียก่อน ข้าคิดว่าบัดนี้เขาคงจะอยู่ที่ห้องหนังสือหลวง ไปหาเขาที่นั่นกันเถิด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์