จ้าวจือหย่าขานรับ จากนั้นก็พยุงฉินเหยียนไปที่ห้องหนังสือหลวง
เมื่อมาถึงแล้วฉินเหยียนก็พบว่า นอกจากฉินชงแล้ว หลินเย้าจู้และพวกเสนาบดีกรมพระคลังรวมถึงเสนาบดีกรมพิธีการเองก็อยู่ในห้องหนังสือหลวง
“น้องสิบสี่”
“อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนโบกมือ จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ยุ่งอยู่งั้นรึ?”
ฉินเหยียนถามขึ้นไปอย่างงั้น แต่การกระทำของเขาก็ทำให้เสนาบดีกรมพิธีการแสดงสีหน้าสับสนแล้วถอนหายใจออกมา
แต่ฉินชงกลับไม่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม เขาส่ายหน้าแล้วยิ้มพูดว่า
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ใครก็ได้ ยกที่นั่งมาให้เจ้าสิบสี่ที”
ฉินเหยียนยิ้ม เขาไม่ได้ปฏิเสธ และนั่งอยู่ข้างๆ
ฉินชงถามขึ้นว่า “น้องสิบสี่ เจ้ามีเรื่องใดงั้นรึ?”
“มีเรื่องหนึ่งที่ต้องการให้ท่านพี่ช่วยออกความเห็น” ฉินเหยียนยิ้มอย่างมีลับลมคมใน
ฉินชงอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า “หือ? เรื่องอะไรรึ ลองว่ามาสิ”
ฉินเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยพูดขึ้นว่า
“พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าหลังจากที่พี่ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว เราต้องคิดเรื่องสร้างเมืองหลวงใหม่แล้ว”
“หา?” ฉินชงอึ้งไป จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น
ฉินเหยียนเห็นว่าเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักจึงรีบอธิบายว่า
“พี่ใหญ่ ที่นี่เก่าแล้วจริงๆ อีกอย่างตำแหน่งก็ค่อนข้างห่างไกล การป้องกันชายแดนม่อเป่ยก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะใช้ในการต่อกรกับพวกชาวตาดในอนาคตด้วย แต่ระยะห่างกับเมืองหลวงของเรานั้น ต่อให้นั่งรถไปก็ต้องใช้เวลาหกถึงเจ็ดวัน ไปกลับก็หนึ่งเดือนแล้ว ไม่ส่งผลดีต่อการควบคุมเลย”
ฉินเหยียนพูดไปมากมาย แต่ฉินชงก็ยังคงมีท่าทีอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา สีหน้าของเสนาบดีกรมพระคลังเองสับสน
ทำเอาฉินเหยียนหยุดพูดถึงประเด็นนี้ แล้วมองทุกคนพร้อมถามขึ้นว่า “มีอะไรงั้นรึ?”
ฉินชงกระแอมแล้วมองไปรอบๆ จากนั้นก็พูดกับเสนาบดีกรมพระคลังอย่างจนปัญญาว่า
“เจ้ารายงานสถานการณ์กับน้องสิบสี่เถิด”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
เสนาบดีกรมพระคลังคำนับ จากนั้นก็พูดกับฉินเหยียนอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า
“อ๋องเหยียนคงยังไม่ทราบ บัดนี้ท้องพระคลังของอาณาจักรฉินขาดดุล กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ อาณาจักรฉินไม่มีเงินแล้วพ่ะย่ะค่ะ......”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเสนาบดีกรมพระคลัง ฉินชงก็พูดสมทบว่า
“น้องสิบสี่ ที่จริงข้าก็มีสมบัติอยู่บ้าง หากการลงทุนที่อาณาจักรอู๋ขาดแคลนเงิน ต่อให้ข้าต้องเอาออกมาทั้งหมดก็จะสนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวล”
“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก หนึ่งร้อยล้านตำลึงก็พอแล้ว......แต่อาจไม่มีเงินสำหรับการก่อสร้างกองเรือแล้ว”
ฉินเหยียนขมวดคิ้วแน่นทันที ให้ตายเถิดเอาแต่มุ่งความสนใจไปที่เรื่องวิจัยจนมองข้ามปัญหาภายในไปได้ จะว่าไปก็เป็นเรื่องปกติ อาณาจักรฉินเพิ่งจะมีการสะสมไม่กี่ปีมานี้ อาณาจักรฉินในอดีต ตราบใดที่หนึ่งปีสามารถเก็บภาษีได้ห้าถึงหกล้านตำลึงก็ถือว่ามากมายแล้ว
ต่อมาเมื่อมีเขามาลงมือในระยะยาว อาณาจักรฉินจึงจะกลายเป็นอาณาจักรที่ทำเงินได้ทุกวันเช่นนี้ แต่หากคำนวณดูแล้ว เป็นอาณาจักรที่ทำเงินได้ทุกวันก็จริง แต่ก็ไม่กี่ปีเท่านั้น
เขาใช้เงินในไม่กี่ปีมานี้ไปมากมาย โดยเฉพาะเมื่อยึดครองดินแดนได้แล้วก็ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย ทุกครั้งที่มีความคิดใหม่ๆ ก็จะผลักดันทุกทิศทางทันที และเป็นการใช้จ่ายที่มหาศาล
ดังนั้นแม้ว่าอาณาจักรฉินจะร่ำรวย แต่แท้จริงแล้วท้องพระคลังไม่ได้มีเงินมากเท่าไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรวมกับการใช้จ่ายจำนวนมากครั้งล่าสุดและการสนับสนุนชาวเมืองอาณาจักรหลู่แล้วจะเหลือเท่าไรกัน?
“น้องสิบสี่ เรื่องสร้างใหม่ที่เจ้ากล่าวถึง เพียงแค่เจ้าพูดมา ข้าจะสนับสนุนอย่างสุดกำลังแน่นอน แต่ในตอนนี้พระราชสำนักรับไม่ไหวจริงๆ”
ฉินชงถอนหายใจแล้วพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาโศกเศร้า จะบังคับเก็บภาษีเพียงเพราะจะสร้างเมืองหลวงใหม่ไม่ได้หรอก เพราะหากทำเช่นนั้น ความมั่นคงของอาณาจักรฉินในหลายปีมานี้ก็จะถูกทำลายลง และอาจถึงขั้นทำให้เกิดความโกลาหลอย่างใหญ่หลวงด้วย
ฉินเหยียนขมวดคิ้วแน่น เขาเงียบไปนานแล้วพูดขึ้นว่า
“ข้ามีวิธีที่จะหาเงินได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...