“ตอนนี้ก็ยังเป็นผู้ตรวจสอบในอู่ต่อเรือหลวงอีก ไม่ว่าที่ใดก็เป็นผู้นำ”
“จริงด้วยฮ่าๆๆ อย่าว่าแต่ดูแลเจ้าเลย ต่อไปเจ้าต่างหากที่ต้องดูแลพวกข้า!”
ทุกคนคอยพูดคุยกัน ครึกครื้นอย่างยิ่ง
หลิวอวี่หลินมองพวกเขาแล้วยิ้มแย้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว หลังจากอยู่ร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว เขาก็สัมผัสได้ว่าคนเหล่านี้อายุใกล้เคียงกับท่านพ่อของตนเองกันทั้งนั้น ดีกับเขาจริงๆ คอยดูแลเขาทุกๆเรื่อง และช่วยสอนอะไรเขามากมาย เขาจดจำทุกเรื่องได้
หลิวอวี่หลินเองก็ล้อเล่นตามประสาพวกเขา
ทุกคนพูดคุยกัน และแล้วเสียงลำโพงบนแท่นก็ดังขึ้น
“ทุกคนโปรดสงบก่อน วันนี้เป็นวันเริ่มงานของอู่ต่อเรือหลวง ลำดับต่อไป ขอเชิญผู้อำนวยการอู่ต่อเรือหลวงแห่งอาณาจักรฉิน ขุนนางขั้นสามระดับสูง ผู้อำนวยการเสิ่น เสิ่นเฟย ขึ้นมากล่าวอะไรกับทุกคนสักหน่อย!”
มีเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกระตือรือร้น เสิ่นเฟยเดินขึ้นไปด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็เริ่มกล่าว คนที่อยู่ด้านล่างมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพและร้อนแรง
เบื้องล่าง หลิวอวี่หลินเองก็เห็นสายตาของทุกคน เขาถามขึ้นอย่างไม่รู้ตัวว่า
“ขุนนางขั้นสามระดับสูงแห่งอาณาจักรฉิน หาได้ยากเพียงนั้นเชียวรึ?”
“แน่อยู่แล้วสิ! เสี่ยวหลิวเจ้าไม่รู้เรื่องนี้งั้นรึ?”
พี่ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆมองเขาอย่างแปลกใจ จากนั้นก็กระซิบอธิบายว่า
“ขุนนางขั้นสามระดับสูงแห่งอาณาจักรฉินแตกต่างจากราชวงศ์อื่นๆที่ผ่านมา ตำแหน่งนั้นเต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ ผู้ที่ได้ทำประโยชน์ครั้งใหญ่แก่ชาวเมือง ทุกคนล้วนสมควรได้รับความเคารพจากชาวเมืองทั่วทั้งเก้าแคว้น!”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” หลิวอวี่หลินได้ยินดังนั้นก็เข้าใจ เขามีความเข้าใจต่อราชวงศ์ฉินมากขึ้น
การประชุมหารือครั้งนี้น่าเบื่อ แต่ว่าในระหว่างนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ด้านนอกอู่ต่อเรือหลวงมีคนกลุ่มหนึ่งได้มาเยือน คนที่อยู่ตรงกลางคือผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์งดงาม ผิวขาวกระจ่างใส ดวงตาสดใส นางยืนอยู่ตรงนั้น ดูสูงส่งและสง่างามอย่างยิ่ง
ผู้ที่เห็นนางต่างก็สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบทำความเคารพ นั่นเองก็ทำให้คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จักนางมีสีหน้าที่ประหลาดอย่างยิ่ง และคาดเดาว่าหญิงสาวผู้งดงามราวกับนางฟ้าคนนี้คือใครกันแน่
เสิ่นเฟยเองก็เห็นนาง เขาที่ได้ความเคารพอย่างสูงจากทุกคนเมื่อครู่นี้ ได้เดินมาเบื้องหน้าของนางแล้วโค้งคำนับ
“ผู้คุมหอหลิวขอรับ”
ผู้ที่มาเยือนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิวเชียนเชียน
หลิวอชียนเชียนคือใคร? นางคือผู้หญิงที่เรียกว่าเป็นตำนานได้เลย เพิ่งแค่คนเดียวก็สามารถล้มล้างได้หนึ่งอาณาจักร! แถมยังมีตำแหน่งที่สำคัญอย่างยิ่ง นั่นก็คือเป็นผู้หญิงของอ๋องเหยียน
ดังนั้นต่อให้ตอนนี้เสิ่นเฟยจะเป็นขุนนางขั้นสามระดับสูงแล้ว แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าของหลิวเชียนเชียนก็ไม่ได้สูงส่งอะไร
“ผู้อำนวยการเสิ่น พูดประเด็นหลักดีกว่า ที่ข้ามาในครั้งนี้เพราะมีเรื่องด่วน มีคนที่ชื่อหลิวอวี่หลินที่นี่รึไม่?”
“อ๋องเหยียนตรัสว่า ตอนนี้ เดี๋ยวนี้” หลิวเชียนเชียนพูด
เมื่อได้ยินดังนั้นหลิวอวี่หลินก็เงยหน้ามองหลิวเชียนเชียน จากนั้นก็พยักหน้า
“ข้ขอกลับไปเก็บสัมภาระหน่อยได้รึไม่?”
“เมื่อได้พบอ๋องเหยียนแล้วเจ้าจะไม่ขาดอะไรแน่นอน ข้าได้เตรียมทุกอย่างในระหว่างเดินทางเรียบร้อยแล้ว จะมีคนคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้เจ้าตลอดทาง หากต้องการอะไร ก็ให้บอกกับพวกเขา ดังนั้นจงออกเดินทางตอนนี้”
คำพูดของหลิวเชียนเชียนแจ่มแจ้ง ไม่อาจปฏิเสธได้เลย
หลิวอวี่หลินถอนหายใจ สุดท้ายเขาก็ประสานมือคารวะคำนับอย่างจริงจังแล้วพูดว่า
“ขอรับ!”
สุดท้ายหลิวอวี่หลินก็ได้จากไปโดยมีคนคอยคุ้มครอง หลิวเชียนเชียนมาไวไปไว และเหลือเพียงทุกคนที่ตกตะลึงกันหมด
โดยเฉพาะเหล่าผู้คนที่คอยดูแลหลิวอวี่หลินก่อนหน้านี้ บัดนี้พวกเขางุนงงไปหมด สูดหายใจเข้าอย่างตกตะลึง
“โอ้! ให้ตายเถิด ไหนเขาบอกว่าตนเองคือเด็กกำพร้าไงเล่า?”
ทุกคนตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มที่ถ่อมตน ผอมบอบบาง ตั้งใจทำงานและมีความอดทนอย่างยิ่ง ดูแล้วทั้งน่าสงสารแต่ก็เข้มแข็งคนนี้ กลับมีฐานะที่ใหญ่โตมากเพียงนี้เชียวรึ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...