เมืองหลวงอาณาจักรฉิน
ฉินเหยียนได้มาเยือนที่ห้องหนังสืออีกครั้ง เขาดึงฉินชงมาหารือด้วยกัน
ฉินชงเองก็ปวดศีรษะอย่างยิ่ง เขาสนับสนุนการเคลื่อนทัพอย่างที่เหล่าขุนนางทั้งพระราชสำนักคิด ในความคิดของเขา ฉินเหยียนคงจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แถมยังจะนำทัพไปด้วยตนเองด้วยความโกรธ
แต่ใครจะคิดว่าสถานการณ์กลับกลับกันอย่างที่เขาคาดเอาไว้ ฉินเหยียนไม่เพียงแต่จะไม่เห็นด้วย แถมยังมีปฏิกิริยาที่แข็งขันมาก
ฉินชงเองก็จนปัญญา เขาพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า
“เจ้าสิบสี่ เจ้าบอกให้ข้าหยุดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เจ้าทำให้ข้าลำบากอย่างยิ่ง”
ฉินชงขมขื่นอย่างยิ่ง หลายวันมานี้เหล่าขุนนางต่างก็ถกเถียงกันอย่างหนัก ทำให้เขาปวดศีรษะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะข้อเสนอที่เห็นพ้องกันของเสนาบดีทั้งหกกรม ยิ่งทำให้เขาปวดศีรษะจนแทบระเบิด อยากจะแสร้งป่วยแล้วปิดประตูพระราชวังไปเลย
บัดนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่าการเป็นฮ่องเต้นั้นยากลำบากมากเพียงใด ไม่เพียงแต่จะต้องจัดการเรื่องในพระราชสำนักเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางทั้งหลายอีก
เหล่าขุนนางทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และเอาแต่โต้เถียงไม่เลิก ทำให้เขาปวดศีรษะอย่างยิ่ง
ฉินชงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เจ้าสิบสี่ เจ้าพูดมาตามความจริงเถิด เจ้าต้องการให้ข้าถ่วงเวลาไปนานเท่าไร? ขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วพระราชสำนักจะต้องยุ่งเหยิงเพราะเหตุนี้ อีกอย่างข้าเองก็รู้สึกว่าชาวตาดข่มเหงกันเกินไป”
ฉินเหยียนเงียบไปอยู่นาน จากนั้นก็ค่อยๆพูดขึ้นว่า “อย่างมากก็ถ่วงเวลาไปอีกหนึ่งวัน ข้ากำลังรอคนคนหนึ่งอยู่ พระราชสำนักยามเช้าในวันพรุ่งนี้ เราจะหารือเรื่องนี้กัน”
เมื่อได้ยินคำตอบที่แน่ชัดของฉินเหยียนแล้วฉินชงก็โล่งอก แม้เขาจะไม่รู้ว่าฉินเหยียนกำลังรอใคร แต่ในเมื่อฉินเหยียนกล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาก็จะฝืนถ่วงเวลาอีกหนึ่งวัน
แต่ว่าทันใดนั้นเองฉินเหยียนก็มีเรื่องจะพูดอีก เขาครุ่นคิดแล้วพูดว่า
“พี่ใหญ่ ข้าต้องการตำแหน่งหนึ่ง”
“ตำแหน่งใดรึ?” ฉินชงอึ้งไป จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าต้องการอะไรก็ตามสบายเลย”
“ข้าขอตำแหน่งแทนคนที่จะมาในวันพรุ่งนี้ อีกอย่างก็ต้องให้พี่ใหญ่สนับสนุนเขาเสียหน่อย”
ฉินเหยียนหรี่ตาแล้วยิ้ม
ฉินชงได้ยินดังนั้นก็อึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ถามอย่างสงสัยว่า “ข้าชักจะสงสัยแล้วสิว่าเจ้าหมายถึงผู้ใด เหตุใดเจ้าจึงให้ความสำคัญมากเพียงนี้”
“หลิวอวี่หลิน” ฉินเหยียนเองก็ไม่ได้ปิดบัง เขาพูดออกมาทันที
เขาเองก็รู้เรื่องที่เยี่ยนเป่ยแล้ว ดังนั้นจึงจำหลิวอวี่หลินได้บ้าง ก่อนหน้านี้เขาได้เสนอคำแนะนำและช่วยเอาชนะกองทัพชาวตาดได้ ทำให้ชาวตาดพ่ายแพ้อย่างหนัก
และแล้วเรื่องนี้ก็ได้เป็นอันตกลง ฉินเหยียนเองก็ได้จากไป
เมื่อกลับไปแล้วเขาก็ยังคงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ว่ากันตามจริงแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ ว่าหลิวอวี่หลินจะนำเรื่องน่าประทับใจมาให้เขาได้รึไม่
สำหรับอาณาจักรฉินแล้ว หากจะต่อสู้ในตอนนี้นั้นไม่ได้ แต่หากไม่ต่อสู้ก็ไม่มีคำอธิบายอีก
ฉินเหยียนนวดหว่างคิ้วอย่างปวดศีรษะ สุดท้ายก็ทำได้เพียงตั้งตารอคอย
......
บัดนี้ แมนจูเรียแห่งอาณาจักรฉินมีกองกำลังชายแดนประจำการอยู่ ทหารหัวกะทิสามแสนนายเองก็กำลังข่าวจากพระราชสำนักเช่นกัน
พวกเขาได้เตรียมตัว รอเพียงคำสั่งก็สามารถสั่งสอนกองกำลังชายแดนประจำการชาวตาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ทันที
เพราะความนิยมของหนังสือพิมพ์ ทำให้เหล่าทหารชายแดนก็ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ด้วย เมื่อได้ยินว่าผู้หญิงอาณาจักรฉินถูกหลอกลวงต่างๆนานา จนสุดท้ายได้มีจุดจบที่อนาถแล้วก็โกรธเกรี้ยวกันอย่างยิ่ง
จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีคำสั่งจากพระราชสำนัก ทุกคนเกือบจะรอไม่ไหวแล้ว แม้แต่หลี่ชางก็นอนไม่หลับทุกคืน เขานอนไปครู่หนึ่งก็ยังฝันถึงคำสั่งจากพระราชสำนักเรื่อยๆจนสะดุ้งตื่นขึ้นมา
แต่เมื่อตื่นมาก็พบว่าทุกอย่างก็แค่ความฝัน ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกแย่อย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...