องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1364

“แต่มนุษย์ย่อมมองการณ์ไกล หนังสือประวัติศาสตร์จะต้องลงบันทึกเอาไว้ว่า ทุกการขัดขวางในอาณาจักรฉินและจิ่วโจว มีเจ้าเป็นคนยื่นมือเข้ามาคอบขัดขวาง!”

“เจ้าจะถูกต่อว่าไปตลอดกาล สมาชิกคนรุ่นหลังของเจ้า ไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก!”

เสนาบดีกรมพิธีการยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น

จากทั้งคู่แดงก่ำ ร่างสั่นไปทั้งตัว

หลิวอวี่หลินมองไปที่เขา แต่ยังคงยืนนิ่ง ถามกลับว่า

“ดังนั้นสิ่งที่ท่านเสนาบดีหวังไว้ก็คือ เพราะเรื่องนี้อาณาจักรฉินจึงทำสงครามครั้งใหญ่โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เพื่อผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่สมัครใจไปกับพวกชาวตาดเองอย่างนั้นหรือ? ไร้สาระเสียจริง!”

สายตาของหลิวอวี่หลินอย่างกับสายฟ้าฟาด เขามองไปรอบๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา

“หากทุกท่านอยากเห็นเหตุการณ์นี้ กคือทหารจำนวนนับไม่ถ้วนที่เขตชายแดนอาณาจักรฉินเสียแขนขาตัวเอง สิ่งที่พวกท่านต้องการเห็นคือผู้หญิงทั่วทั้งจิ่วโจว คิดว่าตนถูกพวกท่านดูหมิ่น จึงรวมตัวกันขึ้นเพื่อประท้วง?”

“วันนี้ มีหนังสือประชาชน แต่วันพรุ่งนี้เล่า? ขนาดหนังสือประชาชนยังไม่สามารถทำให้พวกท่านเห็นภาพชัดขึ้นมาบ้างหรือไร?”

“อุดมการณ์ไม่เหมือนกัน อย่ามาพูดคุยกันเลย!”

เสนาบดีกรมพิธีการหัวเราะ จากนั้นพยุงร่างที่สั่นเทาของตนเอง โค้งคำนับให้ฉินชงบนบัลลังก์มังกร

“ฝ่าบาท กระหม่อมอายุก็มากแล้ว ทรงอนุญาตให้กระหม่อมเกษียณอายุและกลับบ้านเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ตึง

นี่คือความคิดของเขาอย่างนั้นหรือ ขอเกษียณตัวเองกลับไปอยุ่บ้าน?

ขุนนางทุกคนมองไปที่เสนาบดีกรมพิธีการด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป นี่ถือว่าเป็นการบังคับฝ่าบาทมิใช่หรือ

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับหลิวอวี่หลิน แต่พวกเขาเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายในจิ่วโจว พวกเขายังคงหวังว่าอาณาจักรฉินจะแข็งแกร่งขึ้น

ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่มีใครทำตามอีกฝ่าย

“เฮอะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้!”

ไม่น่าเชื่อว่าประโยคนี้จะมาจากปากของชายอายุยี่สิบปี และกำลังพูดกับชายวัยหกสิบปี

เสนาบดีกรมพิธีการหันหน้าจ้องเขาทันที

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

หลิวอวี่หลินไม่ตอบคำถามเชา แต่ถามเสียงดังว่า

“ท่านเสนาบดีไม่ทราบหรือว่า ในอาณาจักรฉินมีผู้หญิงจำนวนเท่าใด?”

เสนาบดีกรมพิธีการอึ้งไป ไม่เข้าใจความหมายของคำถามอีกฝ่าย

หลิวอวี่หลินพูดต่อ

“จำวนผู้หญิงในจิ่วโจวมีจำนวนหลายสิบล้านคน

เสนาบดีทุกคนต่างพากันขมวดคิ้ว

คำพูดของหลิวอวี่หลินเหมือนค้อนอันใหญ่ฟาดเข้าไปที่ใจทุกคน

ทำให้ทุกคนใจเต้นแรง

แม้แต่เสนาบดีกรมพิธีการที่แต่เติมใจเต็มไปด้วยความโกรธ ยังอึ้งไป

เสนาบดีกรมกลาโหมเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา อดถามออกมาไม่ได้ว่า

“เช่นนั้นเจ้าจะพูดว่า พวกเราอาณาจักรฉินไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายหรือ? ปล่อยให้ผู้หญิงเหล่านั้นทนทุกข์ทรมานต่อไป?”

“ข้าพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า พวกนางมิใช่เด็กแล้ว พวกนางทำไปด้วยความสมัครใจ ย่อมยอมรับผลที่ตามมาเอง ท่านจะไปสนใจทำไมกัน?”

“หากพวกท่านเข้าไปก้าวก่ายมากนัก เช่นเดียวกับวันนี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีใครชอบพวกท่าน แต่จะมีหนังสือฟ้องร้องพวกท่านอีกด้วย!”

หลิวอวี่หลินมองไปรอบๆ ในที่สุดสายตาเขาก็ไปหยุดอยู่ที่เสนาบดีกรมกลาโหม แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านเสนาบดีคงจะว่างมากจริงๆ ข้ากลับรู้มาว่าในจิ่วโจวมีบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจต่างเดินทางไปอาณาจักรอื่นเพื่อทำการค้าขาย มีผู้ชายบางคนถึงกับพูดออกมาว่าอาณาจักรอื่นดีกว่าอาณาจักรฉิน พวกท่านไม่คิดจะสนใจกันบ้างหรือ?”

เสนาบดีกรมกลาโหมทำท่าจะพูด แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา เขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร

เขารู้สึกเพียงว่า เขาอึดอัดใจมาก

ฉินชงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรในใจเองก็ไม่ได้มีความสุข เขามองไปที่ฉินเหยียน เห็นว่าฉินเหยีนยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ในที่สุดเขาก็ยอมกลืนคำพูดของเขากลับลงไป

เขาตัดสินใจเชื่อหลิวอวี่หลิน เพราะน้องสิบสี่เชื่อในตัวเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์