“แต่มนุษย์ย่อมมองการณ์ไกล หนังสือประวัติศาสตร์จะต้องลงบันทึกเอาไว้ว่า ทุกการขัดขวางในอาณาจักรฉินและจิ่วโจว มีเจ้าเป็นคนยื่นมือเข้ามาคอบขัดขวาง!”
“เจ้าจะถูกต่อว่าไปตลอดกาล สมาชิกคนรุ่นหลังของเจ้า ไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก!”
เสนาบดีกรมพิธีการยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น
จากทั้งคู่แดงก่ำ ร่างสั่นไปทั้งตัว
หลิวอวี่หลินมองไปที่เขา แต่ยังคงยืนนิ่ง ถามกลับว่า
“ดังนั้นสิ่งที่ท่านเสนาบดีหวังไว้ก็คือ เพราะเรื่องนี้อาณาจักรฉินจึงทำสงครามครั้งใหญ่โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เพื่อผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่สมัครใจไปกับพวกชาวตาดเองอย่างนั้นหรือ? ไร้สาระเสียจริง!”
สายตาของหลิวอวี่หลินอย่างกับสายฟ้าฟาด เขามองไปรอบๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา
“หากทุกท่านอยากเห็นเหตุการณ์นี้ กคือทหารจำนวนนับไม่ถ้วนที่เขตชายแดนอาณาจักรฉินเสียแขนขาตัวเอง สิ่งที่พวกท่านต้องการเห็นคือผู้หญิงทั่วทั้งจิ่วโจว คิดว่าตนถูกพวกท่านดูหมิ่น จึงรวมตัวกันขึ้นเพื่อประท้วง?”
“วันนี้ มีหนังสือประชาชน แต่วันพรุ่งนี้เล่า? ขนาดหนังสือประชาชนยังไม่สามารถทำให้พวกท่านเห็นภาพชัดขึ้นมาบ้างหรือไร?”
“อุดมการณ์ไม่เหมือนกัน อย่ามาพูดคุยกันเลย!”
เสนาบดีกรมพิธีการหัวเราะ จากนั้นพยุงร่างที่สั่นเทาของตนเอง โค้งคำนับให้ฉินชงบนบัลลังก์มังกร
“ฝ่าบาท กระหม่อมอายุก็มากแล้ว ทรงอนุญาตให้กระหม่อมเกษียณอายุและกลับบ้านเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตึง
นี่คือความคิดของเขาอย่างนั้นหรือ ขอเกษียณตัวเองกลับไปอยุ่บ้าน?
ขุนนางทุกคนมองไปที่เสนาบดีกรมพิธีการด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป นี่ถือว่าเป็นการบังคับฝ่าบาทมิใช่หรือ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับหลิวอวี่หลิน แต่พวกเขาเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายในจิ่วโจว พวกเขายังคงหวังว่าอาณาจักรฉินจะแข็งแกร่งขึ้น
ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่มีใครทำตามอีกฝ่าย
“เฮอะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้!”
ไม่น่าเชื่อว่าประโยคนี้จะมาจากปากของชายอายุยี่สิบปี และกำลังพูดกับชายวัยหกสิบปี
เสนาบดีกรมพิธีการหันหน้าจ้องเขาทันที
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
หลิวอวี่หลินไม่ตอบคำถามเชา แต่ถามเสียงดังว่า
“ท่านเสนาบดีไม่ทราบหรือว่า ในอาณาจักรฉินมีผู้หญิงจำนวนเท่าใด?”
เสนาบดีกรมพิธีการอึ้งไป ไม่เข้าใจความหมายของคำถามอีกฝ่าย
หลิวอวี่หลินพูดต่อ
“จำวนผู้หญิงในจิ่วโจวมีจำนวนหลายสิบล้านคน
เสนาบดีทุกคนต่างพากันขมวดคิ้ว
คำพูดของหลิวอวี่หลินเหมือนค้อนอันใหญ่ฟาดเข้าไปที่ใจทุกคน
ทำให้ทุกคนใจเต้นแรง
แม้แต่เสนาบดีกรมพิธีการที่แต่เติมใจเต็มไปด้วยความโกรธ ยังอึ้งไป
เสนาบดีกรมกลาโหมเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา อดถามออกมาไม่ได้ว่า
“เช่นนั้นเจ้าจะพูดว่า พวกเราอาณาจักรฉินไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายหรือ? ปล่อยให้ผู้หญิงเหล่านั้นทนทุกข์ทรมานต่อไป?”
“ข้าพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า พวกนางมิใช่เด็กแล้ว พวกนางทำไปด้วยความสมัครใจ ย่อมยอมรับผลที่ตามมาเอง ท่านจะไปสนใจทำไมกัน?”
“หากพวกท่านเข้าไปก้าวก่ายมากนัก เช่นเดียวกับวันนี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีใครชอบพวกท่าน แต่จะมีหนังสือฟ้องร้องพวกท่านอีกด้วย!”
หลิวอวี่หลินมองไปรอบๆ ในที่สุดสายตาเขาก็ไปหยุดอยู่ที่เสนาบดีกรมกลาโหม แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านเสนาบดีคงจะว่างมากจริงๆ ข้ากลับรู้มาว่าในจิ่วโจวมีบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจต่างเดินทางไปอาณาจักรอื่นเพื่อทำการค้าขาย มีผู้ชายบางคนถึงกับพูดออกมาว่าอาณาจักรอื่นดีกว่าอาณาจักรฉิน พวกท่านไม่คิดจะสนใจกันบ้างหรือ?”
เสนาบดีกรมกลาโหมทำท่าจะพูด แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา เขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร
เขารู้สึกเพียงว่า เขาอึดอัดใจมาก
ฉินชงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรในใจเองก็ไม่ได้มีความสุข เขามองไปที่ฉินเหยียน เห็นว่าฉินเหยีนยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ในที่สุดเขาก็ยอมกลืนคำพูดของเขากลับลงไป
เขาตัดสินใจเชื่อหลิวอวี่หลิน เพราะน้องสิบสี่เชื่อในตัวเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...