ชาวตาดคนหนึ่งถือดาบทุบท้ายทอยอาเซียง ทันใดนั้นนางก็หมดสติแล้วล้มลงกับพื้น
“พานางไป!” ผู้นำชาวตาดคนนั้นออกคำสั่ง จากนั้นก็มีคนหามร่างของอาเซียงเข้าไปในหีบลับที่อยู่บนรถม้า และจากนั้นชาวตาดคนอื่นๆก็ตามขึ้นรถม้า
เมื่อผู้หญิงที่อยู่ในรถม้าเห็นว่าพวกเขากลับมาแล้วจึงได้ถามอย่างดีใจว่า
“จะออกเดินทางกันหรือยังเจ้าคะ?”
ผู้นำคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “อืม จะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ นั่งให้ดีล่ะ!”
“อืออือ” เหล่าหญิงสาวต่างก็ตอบรับอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นรถม้าก็ค่อยๆออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังดินแดนชาวตาด ในขณะเดียวกัน ในรถม้าอีกคันหนึ่งก็มีเสียงที่ดีอกดีใจของเหล่าหญิงสาวดังขึ้น
“ดีจังเลย ในที่สุดพวกเราก็จะได้ไปจากที่นี่แล้ว”
......
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
รถม้าเดินทางไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็ได้มาถึงชายแดนอาณาจักรฉินแล้ว ในระหว่างทางเหล่าชาวตาดต่างก็ปฏิบัติดีกับพวกนาง อย่างไรก็ยังอยู่ในอาณาเขตอาณาจักรฉินอยู่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะหากหญิงสาวเหล่านี้เกิดโหวกเหวกโวยวายขึ้นมา จะทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบากได้
แน่นอนว่าพวกเฉินอวิ๋นฟางเองก็ไม่รู้ด้านที่แท้จริงของพวกชาวตาดเหล่านี้ ยิ่งไม่รู้ว่าพวกเขาได้จับตัวอาเซียงไว้ด้วย แถมยังอยู่ท้ายรถม้าอีกต่างหาก
เมื่อมาถึงด่านชายแดนแห่งสุดท้ายของอาณาจักรฉินแล้ว ก็มีการตรวจสอบพวกเขาตามระเบียบ
การตรวจเข้าออกในตอนนี้มีความยุ่งยากมากกว่าเมื่อก่อน ผู้ที่เฝ้าด่านจะต้องตรวจบัตรเพื่อระบุตัวตนผู้ที่จะออกไป หากเป็นคนอาณาจักรฉิน ก็จะขอดูว่าได้รับหนังสืออนุมัติจากกระทรวงครัวเรือนรึไม่ หากไม่มีก็จะทำการลงทะเบียนเอาไว้ตามสถานการณ์
ผู้เฝ้าด่านเห็นกลุ่มหญิงสาวจะพากันออกไปจึงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นว่า
“พวกเจ้าจะไปที่ดินแดนชาวตาดรึ?”
“ใช่ อาณาจักรฉินได้กล่าวแล้วว่าจะไม่จำกัดอิสระของพวกข้า พวกเจ้าคงไม่ได้จะห้ามพวกข้าหรอกนะ?”
“นั่นสิ พวกข้าจะไปมีชีวิตที่ดีที่ดินแดนชาวตาด พวกเจ้าอย่าทำพวกข้าเสียเรื่องเชียว ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะไปฟ้องพวกเจ้าที่เมืองหลวงอีก!”
เหล่าหญิงสาวต่างแย่งกันตะโกนขึ้น พวกนางกลัวว่าตนเองจะไม่ได้ไปอีก ราวกับว่าอาณาจักรฉินเป็นสถานที่ที่อยู่ต่อไปไม่ได้แล้วยังไงอย่างงั้น อยากจะรีบออกไปเสียตอนนี้ให้ได้
เมื่อได้ยินเสียงโวยวายของเหล่าหญิงสาวแล้ว ทหารเฝ้าด่านก็ขมวดคิ้ว เขาหยิบเอกสารที่เพิ่งจะส่งมาล่าสุดออกมาดู จากนั้นก็เงยหน้าแล้วถามว่า
“พวกเจ้าล้วนเต็มใจไปที่ดินแดนชาวตาดเองงั้นรึ?”
“ใช่แล้ว!” เหล่าหญิงสาวตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทหารเฝ้าด่านพยักหน้า จากนั้นก็หยิบเอกสารที่อยู่ตรงโต๊ะข้างๆมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วพูดว่า
“ข้าไม่เคยได้สูดดมอากาศที่ดีเช่นนี้มาก่อนเลย!”
“......”
พวกนางกำลังพูดคุยกันอยู่ในรถม้าอย่างมีความสุข และไม่ทันได้สังเกตเลยว่าจู่ๆรถม้าก็จอดลงแล้ว
“ถึงที่หมายแล้วรึ?”
“เหตุใดจึงหยุดรถเล่า?”
“ที่นี่คือที่ใดกัน? เหตุใดด้านนอกจึงโทรมเช่นนี้?”
“อี๋ เหตุใดพวกคนในหมู่บ้านจึงสวมชุดเหมือนคนขอทานกันเลย!”
เหล่าหญิงสาวพากันถกเถียงกัน จากนั้นก็เปิดม่านออกแล้วชะเง้อหน้าออกไปมอง ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าที่รังเกียจออกมา
หมู่บ้านแห่งนี้ หรือก็คือเผ่านั่นเอง มันทรุดโทรมยิ่งกว่าสถานที่ที่ยากจนที่สุดในอาณาจักรฉินเสียอีก หลายปีมานี้พวกนางคุ้นชินกับการมีชีวิตที่มีคุณภาพในอาณาจักรฉินแล้ว จู่ๆได้มาเห็นสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ก็ยากที่จะรับได้
เฉินอวิ๋นฟางมีครรภ์อยู่ นางไปด้านนอก เมื่อพบว่าแต่ละที่มีแต่มูลสัตว์เต็มไปหมดก็เกือบจะอาเจียนออกมา นางรีบหันไปถามว่า
“พี่ชายทั้งหลาย เหตุใดจึงไม่เดินทางต่อเล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...