องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 142

องค์ชายเจ็ดฉินหยู่ก็มีความตั้งใจเช่นนี้ จึงรีบสนับสนุนทันที

"ไท่ฟู่กล่าวได้อย่างถูกต้อง เวลานี้ทัพของเราได้ยึดครองด่านถงกวานแล้ว เหล่าทหารมีขวัญและกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หากเคลื่อนทัพไปยังทิศตะวันออกในเวลานี้จะต้องได้รับชัยชนะอีกครั้งอย่างแน่นอน"

ไท่ฟู่พยักหน้าเห็นด้วย

"ฝ่าบาททรงสนพระทัยเรื่องนี้เช่นกันและต้องการตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน ยิ่งไปกว่านั้นอาณาจักรจ้าวคงไม่คิดว่ากองทัพของเราจะโจมตีเมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้นเราจะลงมือสังหารโดยที่พวกเขาไม่ทันระวัง"

องค์ชายเจ็ดฉินหยู่ยิ่งฟังก็ยิ่งตื่นเต้น นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะคว้าชัยชนะ หากโจมตีอาณาจักรจ้าวสำเร็จจริงๆมันจะเป็นตำนานที่ต้องจารึกไว้ตลอดไป เหตุใดจึงจะไม่ทำเล่า

องค์ชายเจ็ดฉินหยู่จูงม้าของไท่ฟู่ไปตลอดทางจนถึงเมือง

ไท่ฟู่ยกมือขึ้นเพื่อบังแดด และเมื่อเห็นฉินเหยียนอยู่บนยอดเมือง เขาก็อดมิได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

จ้าวจือหย่าก็อยู่บนกำแพงเมืองเช่นกัน เมื่อนางเห็นไท่ฟู่มาพร้อมกองทัพและคนจำนวนมากก็มิกล้าที่จะเพิกเฉย จึงรายงานฉินเหยียนว่า

"ไท่ฟู่เป็นราชครูของฮ่องเต้ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ในระดับซานกง เมื่อเขามาถึงแนวหน้าก็เสมือนกับว่าฝ่าบาทเสด็จมา ตามธรรมเนียมแล้วอ๋องเยียนท่านควรจะออกไปต้อนรับนะเพคะ"

ฉินเหยียนดื่มชาอย่างสบายใจและกล่าวว่า

"ต้อนรับเขาหรือ สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือเสนาบดีที่ชอบประจบสอพลอประเภทนี้ นอกจากจะไม่ทำอะไรแล้วยังเก่งแต่วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น"

"เจ้าคอยดูเถิด ครั้งนี้ที่เขามามิได้มาดีอย่างแน่นอน"

ฉินเหยียนค่อยๆย่างเท้าเดิน ส่วนไท่ฟู่และคนอื่นๆเดินเข้ามาอย่างทรงพลัง

"อ๋องเหยียน ท่านช่างสบายนักนะ"

เสียงดังลอยมาก่อนที่คนจะปรากฏตัว พร้อมกับนำความรู้สึกกดขี่อย่างเต็มที่มาด้วย

จ้าวจือหย่าคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วเพื่อต้อนรับไท่ฟู่

"คารวะไท่ฟู่เจ้าค่ะ"

ไท่ฟู่ไม่มีที่ที่จะระบายความโกรธ เมื่อเห็นจ้าวจือหย่าจึงชักสีหน้าใส่

"จ้าวปั๋วซื่อช่างมีความสุขนัก คิดว่าประจบประแจงองค์ชายแล้วจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงเช่นนั้นหรือ?"

ร่างกายของจ้าวจือหย่าสั่นเทา

"มิกล้าเจ้าค่ะ มิกล้า"

ฉินเหยียนขมวดคิ้ว และมองไปที่ไท่ฟู่

ในบรรยากาศมีกลิ่นอายของการวิวาทะเจือจางอยู่

"ฮึ ไม่รู้จักประพฤติตัว ช่างน่าขายหน้า"

ไท่ฟู่ยืนเอามือไพล่หลัง และกวาดตามองไปรอบๆผู้คนทั้งหมดในเมือง

"ทั้งสามทัพได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่อย่างยากที่จะจินตนาการ เป็นเจ้าคนเสเพลผู้นี้ที่เรียกอสนีบาตและวารีแห่งสวรรค์จนเอาชนะทั้งสามกองทัพของอาณาจักรจ้าวได้ ดูเหมือนว่าคำเล่าลือยังคงเป็นคำเล่าลือ"

ฉินเหยียนเม้มริมฝีปากและกล่าวอย่างเย็นชาว่า

"มัวแต่พูดพล่ามอะไร มีอะไรก็ว่ามา!"

"เจ้า!"

ไท่ฟู่ชี้ไปที่ฉินเหยียนด้วยความโกรธจนมือของเขาสั่นเทา

ทว่าฉินเหยียนมิได้สนใจเขาและปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นอากาศธาตุ

"ยโส! เจ้าแน่นักนะ!"

ไท่ฟู่โบกมือและตะโกนทันที

"องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนรับราชโองการ!"

มีผู้ใต้บังคับบัญชานำกล่องผ้ามาเปิดออกและหยิบราชโองการออกมาแล้วมอบให้ไท่ฟู่ด้วยความเคารพ

เมื่อคนอื่นได้ยินว่ารับราชโองการต่างก็คุกเข่าและก้มศีรษะลงกับพื้นทันที นี่คือกฎ

ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นล้วนคุกเข่าลงไม่ว่าจะเป็นองค์ชายหรือทหาร แม้แต่เชลยศึกของอาณาจักรจ้าวก็คุกเข่าลงเช่นกัน

ไท่ฟู่รู้สึกพึงพอใจมาก และในขณะที่กำลังจะอ่านราชโองการอย่างอหังการนั้นเอง

เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าองค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนไม่ขยับ เขายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์และไม่สนใจราชโองการเลย

"เจ้ายังกล้าชักดาบ!"

ไท่ฟู่ยังคงต้องการกล่าวเกินจริง แต่ฉินเหยียนรีบพูดขึ้นว่า

"ไท่ฟู่ โปรดดูให้ชัดเจน ดาบนี้คือดาบชื่อเซียวซึ่งเป็นตัวแทนของเสด็จพ่อ!"

"นี่....."

ไท่ฟู่ตื่นตระหนก

ฉินเหยียนจึงยืนขึ้นและมองเขา

"เห็นดาบนี้ยังไม่คุกเข่า เจ้าคิดจะกบฏหรือ?"

การกล่าวเกินจริง ฉินเหยียนก็ทำได้เช่นกัน

ทันทีที่กล่าวคำพูดนี้ออกมาไท่ฟู่ก็คุกเข่าและก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว

"กระหม่อมมิกล้า!"

ทว่าเมื่อคุกเข่าลงเขาก็รู้สึกเสียใจ

นี่มันอะไรกัน เดิมทีคิดจะวางท่าเป็นเจ้าบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อดาบชื่อเซียวปรากฏออกมาเขาก็ต้องยอมแพ้ แผนการที่จะกำราบฉินเหยียนล้มเหลว เขาร้องไห้ในใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน

ฉินเหยียนกล่าวอย่างพึงพอใจว่า

"มีอะไรพูดดีๆมิได้หรือ จำเป็นจะต้องกดขี่ข่มเหงให้จงได้ ครั้งนี้เป็นอย่างไร เจ้ามันก็แค่คนขี้ขลาดตาขาว!"

"เจ้า!"

ไท่ฟู่โกรธจนหน้าแดง ในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้น ฉินเหยียนก็ดึงดาบชื่อเซียวออกมาอีกครั้ง

ไท่ฟู่หวาดกลัวจนต้องรีบคุกเข่าและมิกล้าขยับตัว

ฉินเหยียนยิ้มอย่างพึงพอใจ และคว้าราชโองการมาและเปิดออก

"ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา......เขียนเรื่องตลกขบขัน......ข้าปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์