องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 195

"เหม่งๆๆ"

เมื่อได้ยินว่าชาวประชามีความสงสัยทหารชั้นยอดของฉินเหยียนก็รีบตีฆ้องประกาศทันที และตะโกนเสียงดังว่า

"อ๋องเหยียนเป็นสมมุติเทพ คำพูดเปรียบได้ดั่งทองวาจาเปรียบได้ดั่งหยก วาจาศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดคำพูด อย่าว่าแต่เรื่องอื่นเลยแค่การที่สามารถเรียกอสนีบาตและควบคุมวารีแห่งสวรรค์ได้ในโลกนี้ยังมีผู้ใดที่สามารถทำได้อีก แล้วจะหลอกลวงมนุษย์เช่นพวกเจ้าได้อย่างไร"

คำพูดนี้ก่อให้เกิดการวิจารณ์ในหมู่ฝูงชนผู้ซึ่งกำลังประเมินอยู่ในใจอย่างระมัดระวัง

"ค่าแรงวันละสามสิบอีแปะ สิบวันก็คือสามร้อยอีแปะ หนึ่งเดือนได้เกือบสองตำลึงเงินเชียว! นั่นเท่ากับที่ข้าก่อนหน้าทำงานถึงครึ่งปีเชียวนะ?"

ยังมีคนที่ลังเลและพึมพำว่า

"ทำหนึ่งเดือนก็ได้สองตำลึงเงิน มากกว่าค่าแรงตอนที่ข้าเป็นคนงานว่าจ้างเป็นรายปีเป็นเวลาหนึ่งปีเสียอีก แค่ทำงานก็ได้แล้วหรือ?"

"ไม่ใช่แค่นี้นะสิ หากเมื่อเบิกผืนนาเสร็จ สร้างบ้านเสร็จแล้วไม่ได้ให้ค่าแรงแก่พวกเรา นั่นมิใช่ทำไปเสียเปล่าหรือ แล้วพวกเราจะไปถามหาเหตุผลเอากับใคร?"

"ข้าว่าต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน พวกเราเป็นเพียงแค่ประชาชนธรรมดา เรื่องดีๆเช่นขนมตกลงมาจากฟ้านี้จะมาถึงพวกเราหรือ?"

ก้อนหินหนึ่งก้อนก่อให้เกิดคลื่นนับพัน เมื่อมีคนหนึ่งยืนขึ้นและตั้งข้อสงสัย คนอื่นๆต่างก็วิจารณ์ไปในทางเดียวกันอย่างไม่ลืมหูลืมตาและถกเถียงกันไม่หยุดหย่อน

"ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล! ข้าพูดคำไหนคำนั้น!"

และในเวลานี้เอง

เสียงที่ดังและทรงพลังก็ลอยมาจากด้านหลังของทุกคน

ผู้ที่กล่าวก็คือฉินเหยียนนั่นเอง

ฉินเหยียนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผู้คนภายใต้การอารักขาของทหารชั้นยอด

"ชายชาตรี หนึ่งคำพูดหลุดจากปาก ม้ายากตามกลับคืน ข้าฉินเหยียนคือองค์ชายสิบสี่แห่งต้าฉิน พูดคำไหนคำนั้น สิ่งทีรับปากพวกเจ้าแล้วจะไม่ผิดคำพูดอย่างเด็ดขาด!"

"ไม่ว่าเจ้าจะเป็นขุนนาง หรือทหาร หรือนักโทษ หรือชาวประชาขอเพียงพวกเจ้าอยู่ที่นี่และสร้างเมืองร่วมกับข้า เจ้าจะได้รับค่าแรงวันละสามสิบอีแปะและจ่ายค่าแรงทุกวัน เมื่อพวกเจ้าสร้างบ้านเบิกที่นาทุกอย่างล้วนตกเป็นของพวกเจ้าทั้งนั้น!"

คำพูดของฉินเหยียนดังและทรงพลังซึ่งมีความน่าเชื่อถืออย่างที่มิมีผู้ใดเทียบได้ ทำให้ชาวประชาหลายคนเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้เป็นความจริงและรู้สึกตื่นเต้นมาก

ทว่าในหมู่ฝูงชนมิใช่ทุกคนที่เคารพบูชาฉินเหยียน

ทันใดนั้นมีคนส่งเสียงแสดงความสงสัยออกมา

"พูดเสียน่าฟัง เจ้าเป็นขุนนาง เป็นโอรสสวรรค์แห่งต้าฉิน พวกข้าเป็นเพียงชาวประชา!"

"เจ้านึกอยากจะให้คำมั่นสัญญาอะไรก็ให้ได้ หากเมื่อถึงเวลากลับกลายเป็นไม่รับผิดชอบ พวกเราเป็นเพียงประชาชนที่ไม่มีปากไม่มีเสียง แล้วเราจะไปถามหาเหตุผลกับใครได้!"

ทหารชั้นยอดที่ติดตามฉินเหยียนก้าวไปข้างหน้าทันทีและตอบโต้ว่า

"บังอาจ! เจ้าพูดอะไรของเจ้า อ๋องเหยียนเป็นผู้ที่เจ้าจะสามารถพูดตามอำเภอใจเช่นนี้ได้หรือ!"

แม้ว่าหน้าของชายคนนั้นจะมีฝุ่นเล็กน้อยแต่ผิวของเขาก็ยังดูขาวกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด เขาจงใจแสร้งทำให้ใบหน้าและศีรษะปกคลุมไปด้วยฝุ่นและปะปนอยู่ท่ามกลางประชาชน พฤติกรรมก่อกวนอย่างชัดเจนเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเขาก็คือไส้ศึก!

ฉินเหยียนกระซิบกับต้าซานที่อยู่ข้างๆว่า

"คนผู้นี้มีบางอย่างผิดปกติ รีบกลับไปตรวจสอบว่าเขาเป็นไส้ศึกจากตระกูลใด"

สายตาของต้าซานเย็นชาและเข้มงวด เขาถอยออกไปอย่างเงียบๆและซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน

เมื่อฉินเหยียนสั่งการเสร็จเรียบร้อย เขาก็กล่าวด้วยเสียวที่ดังกว่าเดิมว่า

"ทุกคนอยู่ในความสงบ ฟังที่ข้าพูด!"

"เมื่อชายแดนเพิ่งจะเริ่มสงบ เป็นช่วงเวลาที่ต้องการใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก ข้าฉินเหยียนเป็นองค์ชายสิบสี่แห่งต้าฉินซื่อสัตย์ต่อคำพูดและแน่วแน่ในการกระทำ ผู้ที่เชื่อข้าก็มาสมัคร เมื่อติดตามข้าแล้วข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะกินดีอยู่ดี!"

หลังจากที่ฉินเหยียนกล่าวจบเขาก็เดินจากไป เขาเชื่อว่าเมื่อให้รางวัลอย่างหนักจะต้องมีผู้ที่กล้าหาญ ชาวประชาเชื่อมั่นเขามากเท่าใดก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีคนมาลงสมัครมากเพียงใดแล้ว

เป็นดังคาดเมื่อ ชาวประชาฟังคำพูดของฉินเหยียนต่างก็เจ้ามองข้าข้ามองเจ้า และพวกเขาก็คิดถึงตำนานก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่ได้ยินมาเกี่ยวกับอ๋องเหยียน

เชื่อเขา อย่างไรเสียเขาก็เทพบนสวรรค์!

บางคนลังเลและตัดสินใจอยู่ต่อในที่สุด

"เขียนจดหมายถึงครอบครัวสักฉบับก่อน เงินที่หาได้จากที่นี่มากกว่ากลับบ้านไปทำนามากมายนัก หากข้าทำได้ดีและได้เงินวันละสามสิบอีแปะจริงๆข้าจะได้ถือโอกาสให้ญาติพี่น้องและเพื่อนของข้าย้ายมาที่นี่เสีย!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์