เมื่อฝูงชนแยกย้ายก็มีเสียงกระซิบเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ
ไส้ศึกที่ปลอมเป็นประชาชนธรรมดาคนนั้นก็สบโอกาสหลบหนี
เมื่อมาถึงในป่าเขามองไปรอบๆอย่างระมัดระวังจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วจึงปล่อยพิราบสื่อสารเพื่อส่งข่าว
ตั๊กแตนตำข้าวกำลังจะจับจั๊กจั่นกินเป็นอาหารหารู้ไม่ว่าข้างหลังยังมีนกกระจอกเหลือง ทันทีที่นกพิราบบินเข้าไปในป่าต้าซานก็ยิงธนูเพื่อขัดขวางการส่งข่าวของไส้ศึก
..........
องค์ชายใหญ่ฉินชงและองค์ชายเจ็ดฉินหยู่กำลังรับประทานอาหารกับฉินเหยียนในจวนของเจ้าเมือง
พวกเขาทั้งสามกำลังคุยกัน องค์ชายใหญ่และองค์ชายเจ็ดลังเลอยู่หลายครั้ง ดูเหมือนว่าพวกเขามีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่กล้าถาม
ฉินเหยียนเห็นความกระสับกระส่ายของทั้งสองมานานแล้ว แต่เขากลับยิ้มในใจโดยไม่พูดอะไร
ต้าซานกลับมาอย่างรีบร้อนเพื่อรายงาน
"ท่านอ๋องพะยะค่ะ สารนกพิราบของไส้ศึก ขอท่านโปรดทอดพระเนตร"
ฉินเหยียนรับมาและยิ้มพลางกล่าวว่า
"อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นชายแดนหูตามากมาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นไส้ศึกของอาณาจักรจ้าวที่ซุกซ่อนอยู่หรือเป็นเชลยศึกเหล่านั้นกันนะ"
เมื่อเขาเปิดจดหมายออกอ่านก็ฝืนยิ้ม และมองไปทางองค์ชายเจ็ดฉินหยู่
องค์ชายเจ็ดฉินหยู่ผงะ
"มีอะไรหรือ?"
"ไม่มีอะไร"
ฉินเหยียนฝืนยิ้มและนำสารนกพิราบของไส้ศึกมอบให้แก่เขา
ใจขององค์ชายเจ็ดฉินหยู่ดัง “ตึกตัก” เขาเปิดจดหมายด้วยความตื่นตระหนก ทันทีที่อ่านเขาก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ที่แท้ไส้ศึกที่ก่อกวนผู้นั้นถูกส่งมาโดยฝั่งพระมารดาขององค์ชายเจ็ดฉินหยู่เพื่อมาก่อความวุ่นวาย
"ที่แท้ก็คนกันเองที่แทงข้างหลัง ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ"
ฉินเหยียนแสร้งทำเป็นล้อเล่น
องค์ชายเจ็ดฉินหยู่เหงื่อออกเต็มศีรษะ เขาหน้าแดงพลางอธิบายอย่างกระอักกระอ่วนว่า
"เสด็จพี่สิบสี่ ข้าไม่รู้จริงๆว่านี่มันเรื่องอะไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้านะ!"
องค์ชายเจ็ดฉินหยู่นับว่าเชื่อแล้วที่ญาติทางตระกูลพระมารดาฉลาดถึงเพียงนี้ที่กล้าทำอะไรต่อหน้าฉินเหยียน รนหาที่ตายหรือ?
"เสด็จพี่สิบสี่อย่าเพิ่งโมโห ข้าจะเขียนจดหมายไปต่อว่าพวกเขาเดี๋ยวนี้!"
ฉินเหยียนสังเกตสีหน้าขององค์ชายเจ็ด ดูเหมือนว่าเขาจะพูดความจริง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ
"ช่างเถอะ มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย อย่าไปพูดถึงมันเลย มา พวกเรามาดื่มกันเถอะ!"
องค์ชายเจ็ดฉินหยู่จึงคลายความกังวลในที่สุด และยกจอกสุราขึ้นมาพลางกล่าวว่า
"เสด็จพี่สิบสี่โมโห ข้าคารวะท่านหนึ่งจอกเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ!"
องค์ชายใหญ่ฉินชงรู้สึกสับสนกับทั้งสองคนและดื่มสุราด้วยความงุนงง ในที่สุดก็กล่าวความสงสัยที่เก็บงำอยู่ในใจมาเป็นเวลานานออกมา
"น้องสิบสี่ มิใช่ว่าพี่จะว่าเจ้านะ"
"อยู่ดีๆเหตุใดจึงต้องใช้เงินมากมายในการรับสมัครคนสร้างบ้านและเพาะปลูก พื้นที่ชายแดนก็มิใช่ที่ศักดินาของเจ้า เจ้าทำเช่นนี้มันไม่จำเป็นเลยสักนิด!"
องค์ชายเจ็ดฉินหยู่ก็สำทับด้วยเช่นกันว่า
"นั่นน่ะสิ วันละสามสิบอีแปะ นี่ไม่ใช่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือ เจ้ามีแผนอะไรเช่นนั้นหรือ?"
ฉินเหยียนรินสุราอีกจอกและกล่าวอย่างสบายใจว่า
"เสด็จพี่ใหญ่ เสด็จพี่เจ็ด พวกท่านไม่เข้าใจ"
"ข้าต้องการต่อสู้โดยไม่นองเลือด และเตรียมพร้อมสยบทหารของข้าศึกโดยไม่ต้องสู้รบ"
ทั้งสองรู้สึกสนใจจึงเอ่ยปากพร้อมกันว่า
"ขอโปรดชี้แนะ!"
ฉินเหยียนวางมาด และกล่าวว่า
"พวกท่านรู้หรือไม่ว่าสงครามการค้าและเศรษฐกิจคืออะไร?"
ทั้งสองส่ายศีรษะพร้อมกันต่อหน้าฉินเหยียนพวกเขาทั้งสองดูเหมือนกับคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย
ฉินเหยียนเริ่มร่ายยาว
"กระเบื้องเคลือบสี เคยได้ยินหรือไม่?"
ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน
ฉินเหยียนผลักจอกสุราอีกสองจอกให้แก่ทั้งสอง
"กระเบื้องเคลือบสีจำนวนมากห้าสิบอีแปะ"
องค์ชายทั้งสองนับและมอบให้แก่ฉินเหยียน
ฉินเหยียนยังคงหยิบเงินทองแดงออกมาสองเหรียญ และผลักคืนให้ทั้งสอง
"ข้าต้องการม้า!"
กลับไปกลับมาเช่นนี้ เงินทองแดงขององค์ชายใหญ่และองค์ชายเจ็ดเหลืออยู่ไม่มาก แต่ตรงหน้าฉินเหยียนกลับมีเงินทองแดงอยู่เต็มไปหมด
"อย่างที่ท่านทั้งสองเห็น อาณาจักรทั้งสองของพวกท่านท้องพระคลังว่างเปล่า เสบียงสำรองว่างเปล่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเกิดความอดอยากขัดสน?"
ศีรษะขององค์ชายใหญ่เต็มไปด้วยเหงื่อ
"ประชาตกอยู่ในความทุกข์ยากร้องไห้คร่ำครวญไปทุกแห่งหน"
องค์ชายเจ็ดก็พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉินเหยียนกลับยิ้มและกล่าวว่า
"พวกท่านมาดูข้าอีกครั้ง ท้องพระคลังสมบูรณ์ เสบียงอาหารก็เพียงพอ กองทัพและม้าแข็งแกร่ง ในปีที่พวกท่านอดอยากและขัดสน หากข้าส่งทหารไปโจมตีพวกท่านจะต่อต้านข้าได้อย่างไร?"
องค์ชายใหญ่ฉินชงตบโต๊ะ และกล่าวว่า
"นี่มันไม่ถูก เหตุใดข้าต้องขายเสบียงให้เจ้าและซื้อของเหล่านี้จากเจ้าด้วยเล่า?"
องค์ชายเจ็ดฉินหยู่ก็กล่าวอย่างเห็นด้วยเช่นกันว่า
"ก็นั่นน่ะสิ พวกเราไม่ได้โง่ การค้าที่เสียเปรียบเช่นนี้พวกเราจะตกลงได้อย่างไร"
ฉินเหยียนหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า
"อย่างพวกท่านนี้เรียกว่ารู้ทีหลังแล้ว เมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้นพวกท่านมิทันรู้ตัว!"
"นี่ก็คือแก่นสารของสงครามการค้า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...