การร้องทุกข์ของประชาชนทั้งหมดต่างกล่าวว่าตระกูลซ่งได้ปิดบังและขัดขวางเขตซุ่นชิ่ง สมรูร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ปล้นทรัพย์ของประชาชน ทำให้ประชาชนต้องอยู่อย่างแร้นแค้นและยากลำบาก
จางอวิ๋นซูยื่นกระดาษอีกปึกหนึ่งให้และพูดด้วยสีหน้ารับไม่ได้ว่า
“ตามคำร้องทุกข์ของประชาชน ตระกูลคิดว่าตนเป็นเหมือนเจ้าแผ่นดินเขตนี้ พวกเขาควบคุมทั้งเขตด้วยมือของพวกเชา เพียงแค่กระทืบเท้า ทั้งเขตซุ่นชิ่งต้องสั่นสะเทือนแล้ว”
ฉินเหยียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นสั่งออกไปว่า
“พี่สะใภ้เจ็ด ตอนนี้เจ้านำพวกโฉนดที่ดินและทรัพย์สินที่อยู่ในมือจากพวกขุนนางและตระกูลชนชั้นสูง ไปเรียกเก็บเงินจากพวกเขา”
“จำไว้ว่าไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร อย่าไปขัดแย้งกับอีกฝ่าย”
จางอวิ๋นซูไม่ได้ถามอะไรอีก ตอบตกลงทันที
“เข้าใจแล้ว ข้าจะพาคนไปเก็บเงินเดี๋ยวนี้”
...
ร้านอาหารซุ่นชิ่ง
นี่เป็นร้านอาหารร้านใหญ่ที่สุดในเขตนี้ โดยปกติแล้วจะมีลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย แต่วันนี้กลับถูกทิ้งร้างไม่มีลูกค้าเข้าเลยแม้แต่คนเดียว
เจ้าของร้านที่ยืนอยู่ตรงประตูบานพับมองซ้ายทีขวาที แต่กลับไม่เจอใครเลย เขาพึมพำ
“วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมถึงไม่มีใครบนถนนเลย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
ขณะที่พึมพำอยู่นั้น รถม้าที่ขับมาจากที่ไกลๆ ก็หยุดอยู่ที่หน้าร้าน
จางอวิ๋นซูลงมาจากรถม้าพร้อมกับองครักษ์เงาสองคน
เมื่อผู้จัดการร้านเห็นท่าทีจองจางอวิ๋นซู เขาก็สรุปได้ทันทีว่านางเป็นคนที่เดินทางผ่านมา ดูจากเสื้อผ้าที่หรูหรา ต้องเป็นคนรวยแน่นอน เขายิ้มและทักทายทันที
“เข้ามาเลย เข้ามาก่อน อยากทานอะไรหรือ?”
หลังจากที่จางอวิ๋นซูเข้าไปในร้านอาหาร เธอไม่ได้นั่งลงในทันที แต่กลับมองไปรอบๆ สักพักแล้วพูดว่า
“เจ้าของร้านนี้ได้มอบร้านนี้ให้ข้าแล้ว ตอนนี้ร้านอาหารนี้เป็นของข้า”
พูดจบ นางก็หยิบโฉนดที่ดินออกจากแขนเสื้อและยื่นให้ผู้จัดการร้านดู
ผู้จัดการร้านหยิบขึ้นมาดู จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ไม่ยอมรับพร้อมกับพูดว่า
“ข้าเป็นผู้จัดการร้านของตระกูลซ่ง เจ้ากล้าเอาโฉนดที่ดินปลอมมาให้ข้า คิดอยากจะขโมยร้านข้าไป เจ้าฝันไปเถอะ?”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็ฉีกโฉนดเป็นชิ้นๆ ด้วยท่าทีเย่อหยิ่งต่อหน้าจางอวิ๋นซู
จางอวิ๋นซูขมวดคิ้วและพูดอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงผิดสัญญากับข้า!”
เจ้าของร้านพูดพร้อมเงยหน้าขึ้น
“ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น เจ้าจะอย่างไร หากรู้ตัวแล้วรีบไสหัวไปจากที่นี่เสีย!”
จางอวิ๋นซูโกรธจัด ชี้ไปที่เจ้าของร้านอาหารและพูดว่า
“เจ้าไม่รู้กฎบ้านเมือง ในกระดาษก็เขียนอย่างชัดเจน ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่แต่ร้านอาหารร้านนี้ถูกขายให้กับข้าแล้ว!”
เจ้าของร้านหันหน้ากลับมาทันที พูดพร้อมกับเลิกคิ้ว
องครักษ์เงาทัง้สองมองหน้ากัน จงใจชะลอความเร็ว
เด็กรับใช้ทั้งสองคนไม่รู้ว่าพวกเขาถูกจับได้แล้ว เขาจึงยังคงแอบตามจางอวิ๋นซูไป
ทันทีที่เขากำลังเลี้ยวตามไป เขาถูกองครักษ์เงาแทงศอกจนล้มลง
องครักษ์เงาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มัดเด็กรับใช้แล้วพาขึ้นรถม้าไป จากนั้นออกเดินทางตรงไปยังศาลาว่าการ
...
ศาลาว่าการเขตซุ่นชิ่ง
จางอวิ๋นซูเล่าด้วยความโกรธว่าเกิดอะไรขึ้นในร้านอาหาร
“เจ้าของร้านคนนั้นผิดสัญญา ไม่พูดไม่จา แถมยังฉีดโฉนดทิ้ง ให้ตายก็ไม่ยอมรับ ทำให้ข้าโกรธมาก!”
องค์ชายเจ็ดตบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ
“ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เจ้าของร้านอาหารเล็กๆ เช่นนี้กล้าหยิ่งผยองและฝ่าฝืนกฎหมาย มาดูกันว่าเราจะจัดการคนชั่วเช่นนี้อย่างไร!”
ฉินเหยียนคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคนพวกนี้ไม่มีทางมอบทรัพย์สินอย่างง่ายๆ เขาจึงโน้มน้าวว่า
“พี่เจ็ดไม่ต้องรีบร้อน นี่เป็นนิสัยของพวกเขา”
ในเวลานี้องครักษ์เงาได้ลากเด็กรับใช้สองคนที่ถูกมัดอยู่ โยนพวกเขาลงตรงหน้า
เด็กรับใช้ถูกปิดปากเอาไว้ พวกเขาส่งเสียงคำราม พยายามดิ้นรนเหมือนหนอนผีเสื้อ มองไปรอบๆ ด้วยสายตาน่ากลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...