องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 371

ภายในตำหนักจินหลวน

มีขันทีหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วนยืนเรียงกันเป็นระเบียบอยู่ในลาน พวกเขาสวมชุดเกราะที่ตระกูลซ่งแอบทำขึ้น

ผู้อาวุโสของตระกูลซ่งพึมพำด้วยสายตาที่ผวาว่า “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“ชิ้ง” ดาบถูกชักออกมา เหล่าทหารรักษาพระราชวังเองก็ได้เข้ามาล้อมปิดทางเอาไว้จนหมด

ฮ่องเต้ฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างน่าเกรงขาม และมองสาส์นกราบทูลเบื้องหน้าแล้วอ่านขึ้นว่า

“ตระกูลซ่งเขตซุ่นชิ่ง พบชุดเกราะมากกว่าหนึ่งหมื่นชุด”

ว่าแล้วก็ปิดสาส์นกราบทูลและไม่มองบรรดาเหล่าผู้อาวุโสตระกูลซ่งที่ตัวสั่นกันด้วย เขาถือสาส์นเอาไว้แล้วพูดกับเหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราว่า

“มีใครรู้บ้างว่าทั่วทั้งอาณาจักรฉินมีการมอบชุดเกราะให้รวมกี่ชุด?”

ผู้อาวุโสที่เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราประสานมือคารวะแล้วพูดว่า

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ นับตั้งแต่อาณาจักรฉินก่อตั้งขึ้นมา ชุดเกราะทองระดับฮ่องเต้ ยกเว้นที่ฝังลงโรงด้วยแล้ว บัดนี้ยังมีหลงเหลืออยู่ห้าชุดพ่ะย่ะค่ะ”

“ชุดเกราะราชสีห์ระดับแม่ทัพ ยกเว้นที่ฝั่งลงโรงด้วยแล้ว บัดนี้ยังมีการใช้งานอยู่สามสิบหกชุดพ่ะย่ะค่ะ ชุดเกราะเกล็ดปลาระดับรองแม่ทัพ ยกเว้นที่ฝั่งลงโรงด้วยแล้ว บัดนี้มีอยู่สี่ร้อยห้าสิบชุดพ่ะย่ะค่ะ”

“ชุดเกราะเหล็กชั้นดีระดับเจ้าหน้าที่ทั่วไป จากที่ทางกรมกลาโหมได้รายงานมา เมื่อไม่รวมที่สูญเสียไป ยังมีการใช้งานโดยรวมอยู่ที่เจ็ดพันชุดพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินถือสาส์นกราบทูลไว้ในมือ

“ทั่วทั้งอาณาจักรฉินยังมีชุดเกราะไม่ถึงหนึ่งหมื่นชุด แต่พวกเจ้ากลับแอบสร้างชุดเกราะหนึ่งหมื่นชุด พวกเจ้าต้องการทำอะไรกันแน่!”

ว่าแล้วก็ได้ขว้างสาส์นกราบทูลลงพื้นเสียงดัง

เหล่าผู้อาวุโสตระกูลซ่งต่างสีหน้าเปลี่ยนกันไปหมด แต่ละคนต่างหน้านิ่ง บางคนเริ่มขดตัว ตัวสั่นเทาไปหมด บางคนก็ครุ่นคิดพยายามหาวิธีรับมือ

ผู้อาวุโสตระกูลซ่งวัย 80 ปีก้าวไปข้างหน้าโดยใช้ไม้เท้า เขายังคงสงบนิ่งและประสานมือคารวะรายงานว่า

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ การแอบสร้างชุดเกราะนั้นคือเป็นความผิดมหันต์ ตระกูลซ่งของเราซื่อสัตย์ภักดี ไม่มีทางปฏิบัติเรื่องผิดมากเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ข้าขอถามฝ่าบาทว่าฝ่าบาทได้ชุดเกราะเหล่านี้มาจากที่ใดรึพ่ะย่ะค่ะ บางทีอาจมีใครจงใจใส่ร้ายหมายปองร้ายตระกูลซ่งก็ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินหรี่ตาลงแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “ใส่ร้ายรึ? ช่างปลิ้นปล้อนจริงๆ! จนจะถึงแก่ความตายแล้วยังไม่ยอมรับผิดอีก!”

ผู้อาวุโสยังคงพูดอย่างไม่สำนึกไม่ย่อท้อว่า “ตระกูลซ่งนั้นซื่อสัตย์ภักดี ปกป้องดินแดน มีความผิดอันใดกันพ่ะย่ะค่ะ!”

“ซื่อสัตย์ภักดีงั้นรึ หรือจะกล่าวว่าข้าเข้าใจพวกเจ้าผิดงั้นรึ?”

ฮ่องเต้ฉินทำเสียงเย็นชา

“ข้าได้ออกพระราชโองการแล้วว่าใช้ผลงานแลกชีวิต บัดนี้ยังไม่มีผลงานอะไรก็คิดอยากจบเรื่องก่อนหน้านี้ไปงั้นรึ ตระกูลซ่งช่างสูงศักดิ์นักนะ! หากข้ายกโทษให้ตระกูลซ่งไป แล้วตระกูลใหญ่อื่นๆ ข้าก็ต้องยกโทษใช่รึไม่ หากไม่บีบบังคับพวกเจ้าสักหน่อย แล้วพวกเจ้าจะเต็มใจรับใช้ข้าได้อย่างไร ใช่รึไม่?”

ผู้อาวุโสตระกูลซ่งตากระตุกแล้วประสานมือพูดว่า “ฝ่าบาททรงตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินไม่อยากจะยืดเยื้อกับตระกูลซ่งต่อ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่สามารถเจรจาลงเอยได้แล้ว เขาจึงละสายตาแล้วเปิดสาส์นกราบทูล จากนั้นก็โบกมือแล้วพูดว่า

“ข้ายังมีงานต้องทำ หากผู้อาวุโสตระกูลซ่งไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ถอยไปเถิด”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วหัวหน้ากิจการพระราชววังขันทีเกาก็รีบตะโกนเสียงแหลมว่า “ส่งแขก!”

เหล่าผู้อาวุโสตระกูลซ่งรู้ว่าวันนี้คงไม่ได้อะไรจึงคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วทำความเคารพว่า

“ฝ่าบาททรงมีอายุยืนยาวหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”

ผู้อาวุโสตระกูลซ่งทั้งสิบคนเดินออกจากพระราชวังแล้วก็ทรุดนั่งลงกับพื้นตามๆกัน แม้แต่ผู้นำผู้อาวุโสก็ด้วย เขาเหงื่อตกไปหมด ราวกับว่าหนังถลกไปชั้นหนึ่ง

“เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว...... รีบกลับซุ่นชิ่งหนึ่งคน ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ส่วนที่เหลือให้รีบติดต่อตระกูลขุนนางอื่นทันที ดูเหมือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนราชวงศ์แล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์