องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 425

เมืองหลวงอาณาจักรฉิน

องค์ชายสองพ่ายแพ้ อวค์ชายสามพ่ายแพ้ องค์ชายสี่พ่ายแพ้... แม้แต่องค์ชายสิบสองเองยังเขียนจดหมายมาถึงฮ่องเต้ฉินขอให้ทรงอนุญาตให้เข้ากลับมาเมืองหลวง

ข่าวเรื่องการพ่ายแพ้สงครามทำให้ฮ่องเต้ฉินโกรธมาก

การโจมตีเมืองอวิ๋นเฉิงพ่ายแพ้ไปทีละคนสองคน พี่น้องและนักรบจากตระกูลชนชั้นสูงได้รับบาดเจ็บมานับไม่ถ้วน ทำให้องค์ชายสิบสองกลัวมากจนทำให้เขาไม่กล้าเข้าสู่สงคราม

“ขยะจริงๆ ไอ้พวกขยะไร้ประโยชน์เอ้ย!”

ฮ่องเต้ฉินโกรธมาก

เดิมทีคิดเอาไว้ว่าหมากรุกครั้งนี้เขาต้องเป็ฯคนชนะอย่างแน่นอน เป็นเพราะเจ้าแปดขัดขืนคำสั่ง ทำให้กองทัพต้องหยุดชะงักเช่นนี้

“เจ้าพวกนี้เป็นแค่พวกขี้เหล้าเมายา ตามคำสั่งของเรา พวกเขาต้องลมนามในคำสั่งก่อนที่จะออกไปรบ หากพ่ายแพ้ที่อวิ๋นเฉิงแต่คิดอยากกลับมา ต้องกลับมาให้เราเห็นหน้า!”

ฮ่องเต้ฉินโกรธลูกชายที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้

ณ เวลานี้

ขันทีเการีบวิ่งเข้าไปมายังตำหนักหยางซิน

“ฝ่าบาท มีรายงานจากอ๋องเหยียน... องค์ชายสิบสี่กลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เวลานี้ฮ่องเต้ฉินดีใจมา องค์ชายสิบสี่ที่เยทำให้เขาขายหน้ากลับมาแล้ว

“เจ้าสิบสี่อยู่ที่ไหน เข้ามาในวังแล้วหรือยัง?”

ขันทีเกามีสีหน้าหวากลัวและพูดเสียงหลงว่า

“องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียน ยังมีความผิดติดตัว เขาเพิ่งดำเนินนโยบายคืนพื้นที่เกษตรกรรมให้แก่ประชาชน ตามกฎหมายแล้วเขาต้องกลับไปที่จงเหรินฝู ไม่สามรถมาเข้าเฝ้าได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เราลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”

ฮ่องเต้ฉินร้อนใจมากอดไม่ได้จนเกือบจะออกคำสั่งให้เขาเข้าพบ จริงๆ แล้วเขาไปที่จงเหรินฝไปพบองค์ชายสิบสี่ด้วยตัวเองได้ ไปลองฟังความคิดการรบของเขา

...

ขบวนอ่องเหยียนได้เข้ามาสู่เมืองหลวง พร้อมกับหญิงงามบริสุทธิ์นับร้อย ทำให้ทั้งเมืองปั่นป่วน

ฉินเหยียนมีสถานะพิเศษ เขาไม่ได้ปรากฎตัว แต่กลับสั่งให้คนส่งตัวญิงเหล่านี้ไปยังสำนักงานสังคีต

ในสายตาของคนทั้งเมือง สำนักงานสังคีตเป็นสำนักที่คที่มาจากตระกูลต้ำต้อยเข้าทำงาน แต่ในความจริง ในสายตาของคนฉลาดนั้น สำนักงานสังคีตเป็นเหมือนเวทีที่ให้คนแสดงความสามารถ

ขอเพียงแค่เข้าไปได้ จะไม่มีหญิงคนไหนที่ไม่สามารถสร้างชื่อเสียงได้ เห็นได้ชัดว่าที่นี่กลายเป็นฐานลับของฉินเหยียนในการปลูกฝังแนวคิดและความสามารถ

ขบวนรถม้าของฉินเหยียนตรงเข้าไปยังจงเหรินฝู ทันทีที่ถึงหน้าประตูใหญ่ มีเด็กส่งข่าวคนหนึ่งกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูฉินเหยียน

“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นรีบเตรียมตัวเข้า”

จ้าวจีเอ่อร์มีสีหน้าสับสนเมื่อได้ยินฉินเหยียนสั่งให้คนปาดินใส่ตัวเขา

เขาเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่หลังจากทำเช่นนี้ ฉินเหยียนดูเหนื่อยล้าและสกปรกมากขึ้น เหมือนกับว่าเขากลิ้งไปมาบนพื้นอย่างไรอย่างนั้น

“องค์ชาย ท่านกำลังทำสิ่งใดกัน?”

ฉินเหยียนกล่าวว่า

“เสด็จพ่อมาหาข้าที่จงเหรินฝู ดังนั้นรับไปเตรียมอาหารก่อนเถิด ไม่ต้องจัดเยอะ แค่ผักและหัวไชเท้าดองก็พอ”

“เจ้าค่ะ”

แม้ว่าจ้าวจีเอ๋อร์จะไม่รู้เหตุผล แต่นางก็ไปจัดอาหารกลางวันด้วยตนเอง

ฮ่องเต้ฉินถามว่า

“ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เจ้าสาบานว่าฝั่งแนวหน้าได้จัดเตรียมอย่างดีแล้ว แม้แต่เด็กสามขวบก็สามารรถเข้ายึดสิบหกเขตแห่งเมืองเยี่ยนหยุนได้อย่างง่ายดาย”

“แต่ตอนนี้เกิดเหตุอันใดขึ้น เจ้าคงรู้ดี ไม่อาจโจมตีและเข้ายึดเมืองอวิ๋นเฉิงแห่งาณาจักรจ้าวได้ เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร?”

ฉินเหยียนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม

“ขอกราบทูลรางานเสด็จพ่อ สิ่งที่ข้าเห็นนั่นคือองค์ชายตระกูลใหญ่ต่อสู้กันเอง พยายามชิงดีชิงเด่นกัน ก่อนหน้านี้ที่ยึดสิบห้าเมืองมาได้นั้น ถือว่าเขาโชคดี แต่หากให้องค์ชายคนใดคนหนึ่งยึดเมืองอวิ๋นเฉิงนั้นคงป็นเรื่องยาก”

ฮ่องเต้ฉินถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

ฉินเหยียนพูดด้วยท่าทางตึงเครียด

“เสด็จพ่อ องคืชายจากตระกูลใหญ่นั้นไม่ยอมให้กัน พวกเขาอยากได้มาซึ่งอำนาจ รีบเร่งบุกโจมตี พวกเขาเข้าสู้และบุกเมืองอวิ๋นเฉิงตัวคนเดียว นี่เป็นการกระทำที่นำไปสู่ความตาย”

“หากพวกเขาตีเมืองอวิ๋นเฉิงด้วยกัน พวกเขาคงมีความไม่พอใจและสงสัยกันในใจ กลัวว่ะถูกแทงข้างหลัง ดังนั้นคือเหตุผลว่าเวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่สามารถยึดเมืองอวิ๋นเฉิงได้”

ฮ่องเต้ฉินรู้ดีว่าตระกูลใหญ่ๆ นั่นต่อสู้กันมานานหลายปี อีกทั้งยังมีความไม่พอใจซึ่งกันและกันอย่างยาวนาน ครั้นจะให้พวกเขาร่วมมือกันนั้นคงเป็นเรื่องยาก

“จริงหรือที่ไม่อาจเอาชนะเมืองอวิ๋นเฉิงได้?”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนตอบตามความจริง

“การยึดเมืองอวิ๋นเฉิงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ลูกคิดว่าหากปล่อยให้สงครามครั้งนี้ยืดเยื้อนานเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีพ่ะย่ะค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์