องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 426

ฮ่องเต้ฉินจับจ้อง เขามองไม่ออกเลยว่าฉินเหยียนกำลังคิดอะไรอยู่

ทันใดนั้นเอง จ้าวจีเอ๋อร์ก็ได้ยกอาหารพื้นๆเข้ามาในห้อง “ท่านอ๋องเพคะ ได้เวลาเสวยแล้วเพคะ”

บรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อยจนกระทั่งจ้าวจีเอ๋อร์เหลือบเห็นฮ่องเต้ฉิน นางก็รีบคุกเข่าคำนับ

“หม่อมฉันเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพคะ”

“ลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้ฉินมองอาหารบนโต๊ะ “นี่ลูกของข้าเสวยแค่นี้รึ?”

จ้าวจีเอ๋อร์ยังไม่ได้ตอบกลับ ฉินเหยียนก็แย่งพูดว่า “เพียงเท่านี้ก็เพียงพอใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม้จะเป็นเพียงอาหารพื้นๆ แต่ก็เป็นน้ำใจของเหล่าชาวเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินไม่มีอะไรกล่าว เขารู้สึกว่าเขาไร้ความสามารถมากในฐานะพ่ออย่างมาก ฉินเหยียนบอกว่าเขาเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก และขอให้ท่านพ่ออนุญาตให้เขาได้ทานอาหารก่อน

ภายใต้การจ้องมองของฮ่องเต้ฉิน ฉินเหยียนยกชามข้าวขึ้นแล้วทานอย่างมูมมาม จนทานไปหมด

นั่นทำให้จ้าวจีเอ๋อร์มองตาค้างไป แม้แต่เมนูอาหารอันโอชะเขาก็ไม่ได้ทานอย่างเอร็ดอร่อยเช่นนี้ และคิดในใจว่าฉินเหยียนแสดงเก่งจริงๆ

ขันทีเกาที่เห็นเช่นนี้ก็แอบหลบอยู่ข้างๆแล้วเช็ดน้ำตา ฮ่องเต้ฉินเองก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งเช่นกัน เขายืนอยู่ตรงข้ามฉินเหยียนแล้วพูดว่า

“หากข้าให้เจ้ากำกับดูแลกองทัพ แล้วเจ้าสามารถยึดอวิ๋นเฉิงมาได้ ข้าจะคืนตำแหน่งชินหวังแก่เจ้า”

ฉินเหยียนส่ายหน้าแล้วทานไปพูดไปว่า “ต่อให้ลูกกำกับดูแลกองทัพก็จะไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อนี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างมาก ใช้โอกาสนี้ในการกำจัดเหล่าข้าราชการผู้ทรยศที่กบฏของเหล่าตระกูลขุนนาง รวมถึงหนอนบ่อนไส้ในอาณาจักรฉินด้วย เพื่อคืนอนาคตอันสดใสให้แก่อาณาจักรฉิน ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คิดว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นฮ่องเต้ฉินก็สะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าเจ้าสิบสี่จะมีมุมที่โหดร้ายเช่นนี้

เขาเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นว่า “แม้ว่าเจ้าจะยืมมือของอาณาจักรจ้าวเพื่อกำจัดผู้ทรยศจากอาณาจักรฉิน แต่ผู้ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในแนวหน้า อย่างไรก็เป็นพี่แปดของเจ้า หรือเจ้าจะสังหารแม้กระทั่งพี่ชายแท้ๆของเจ้างั้นรึ?”

ฉินเหยียนอธิบายว่า “ท่านพ่อเข้าใจผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ การที่พี่แปดฉินอู่ถูกจับนั้นเป็นอุบัติเหตุพ่ะย่ะค่ะ ลูกได้ส่งคนเข้าไปในอวิ๋นเฉิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ ทันทีที่เข้าโจมตีอวิ๋นเฉิง พี่แปดฉินอู่จะต้องปลอดภัยแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นฮ่องเต้ฉินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ข้าแก่ชราแล้ว ยังกลัวว่าพวกเจ้าพี่น้องจะฆ่ากันเพื่อชิงบัลลังก์”

ฉินเหยียนรับรองว่า “ท่านพ่อโปรดวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ ผู้อื่นลูกไม่ทราบ แต่สำหรับลูกไม่มีทางเข่นฆ่ากันเองแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ใครจะเป็นผู้ครองบัลลังก์อาณาจักรฉินนั้น ลูกไม่ได้สนใจเลย”

ฮ่องเต้ฉินถามอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “แล้วเจ้าสนใจอะไรกันแน่?”

“การรบที่แนวหน้าตึงเครียดนัก เจ้าเองก็อย่ามัวนิ่งเฉย ไปบัญชากองทัพแนวหน้าเพื่อยึดอวิ๋นเฉิงตามที่เจ้าต้องการเถิด ข้าคืนอิสระให้แก่เจ้า จะได้ไม่ต้องคอยทำอะไรลับๆล่อไปทั่ว ไม่สงวนกิริยา”

ฮ่องเต้ฉินกล่าวเช่นนั้นแล้วเดินไปทันที ฉินเหยียนรีบประสานมือคารวะ “ท่านพ่อเชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อขันทีเกาคำนับต่อฉินเหยียนแล้วก็รีบตามฮ่องเต้ฉินไปทันที

ทันทีที่ฮ่องเต้ฉินเดินไป ฉินเหยียนก็เผยรอยยิ้มที่ได้ใจออกมา

จ้าวจีเอ๋อร์ยืนขึ้นอย่างผวา นางลังเลอยู่พักใหญ่ และได้ถามความสงสัยออกมาขณะเก็บโต๊ะ

“ท่านอ๋องเพคะ ดูฝ่าบาทแล้ว เพียงแค่ท่านพยักหน้า ใต้หล้าแห่งอาณาจักรฉินก็จะมีท่านมาสืบบัลลังก์ แต่เหตุใดจึงยืนหยัดจะไม่รับไว้ละเพคะ? หรือว่าไม่อยากจะเป็นฮ่องเต้จริงๆเพคะ?”

ฉินเหยียนพูดอย่างสงสัยว่า “เจ้าฟังความของข้าไม่เข้าใจรึ เป็นฮ่องเต้แล้วมันมีดีอะไร?”

จ้าวจีเอ๋อร์เถียงกลับว่า “เป็นฮ่องเต้ไม่ดีอย่างไรเพคะ?”

ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน ฉินเหยียนพูดอย่างประนีประนอมว่า “กล่าวเช่นนี้ละกัน ข้าไม่เหมือนกับเจ้า ข้าคือคนจากโลกคู่ขนานอีกใบ ข้ารู้ว่าโลกนี้ใหญ่แค่ไหน และรู้ว่าโลกนี้เล็กแค่ไหน นกน้อยไยจะรู้ปณิธานของพญาหงส์ ข้าขี้เกียจจะพูดกับเจ้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์