หมอพลันมีสีหน้าเศร้าใจและตอบตามความจริง
“แม่ทัพหยางตกอยู่ในอาการวิกฤตากว่าครึ่งเดือนแล้ว นางไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย ช่วงนี้ข้าต้มซุปโสมให้เพื่อช่วยพยุงชีวิตนางเอาไว้ มิฉะนั้นนางคงตายไปนานแล้ว”
ฉินเหยียนขมวดคิ้วและนั่งลงบนเตียงอย่างลำบากใจ เขาเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก แต่หน้าผากนางกลับร้อนมาก นางเป้ฯไข้ จากนั้นเขาก็คว้าข้อมือนางจับชีพจร ชีพจรอ่อนมาก สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก
“ไม่ได้กินอะไรเลย จะเป็นไปได้อย่างไร หากไม่ได้ป่วย แต่ก็หิวตายอยู่ดี”
จากนั้นเปลี่ยนเรื่องแล้วสั่งว่า
“ส่งคนมา นำชามใส่น้ำผสมเกลือ น้ำผสมน้ำตาลมาให้ข้า”
“ขอรับ”
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ รีบไปเตรียมมาทันที
ไม่นาน ถ้วยน้ำเกลือและน้ำตาก็มาถึง
ฉินเหยียนรีบใช้ช้อนตักขึ้นมาป้อนใส่ปากหยางจิ่นซิ่ว
ตอนที่ได้รับรสน้ำเกลือ สีหน้าของหยางจิ่นซิ่วนั้นไม่สู้ดีนัก นางพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เค็มมาก...”
“เค็มก็ต้องดื่ม รีบดื่มเร็วเข้า”
ฉินเหยียนกระซิบเบาๆ จากนั้นป้อนเข้าไปอีกสองสามช้อน
หลังจากที่ดื่มน้ำเกลือแล้ว ริมฝีปากของหยางจิ่นซิ่วค่อยๆ มีสีขึ้นอีกครั้ง
ฉินเหยียนหยิบชามน้ำตาลขึ้นมา แล้วป้อนให้นางไปเต็มช้อน
ฉินเหยียนที่วิตกกังวล จิบน้ำผสมน้ำตาลก่อน จากนั้นค่อยป้อนให้หยางจิ่นซิ่วด้วยปากของเขา
คนรับใช้เห็นดังนั้นจึงรีบหันหลังกลับทันที
เมื่อต้าหย่งเห็นดังนั้นเขาก็ไล่คนอื่นออกไป
“ออกไปก่อน ออกไปให้หมดทุกคน”
ทุกคนเดินออกจากบ้านพัก และปล่อยให้ฉินเหยียนและหยางจิ่นซิ่วอยู่ด้วยกัน
หยางจิ่นซิ่วดื่มน้ำหวานขมวดคิ้วเล็กน้อยและบ่นออกมา
“เจ้ารู้วิธีแกล้งข้า...”
ฉินเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและพูดว่า
“การเติมสารอาหารมีประโยชน์ หูหนิวลืมตามองข้าสิ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้ยินเสียงของหัวใจหรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นฉินเหยียน ใบหน้าที่ซีดเซียวของนางแสดงออกถึงความสุขขึ้นมาทันที
แต่มันเป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นพลันมีสีหน้าไม่พอใจ ยกแขนที่อ่อนแรงของตบตีเข้าไปที่ตัวฉินเหยียน และพึมพำว่า
“เจ้ารังแกข้า รังแกข้า...”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระก่อน รีบจิบเร็วเข้า!”
หลังจากพูดจบ ฉินเหยียนก็ป้อนน้ำหวานด้วยปากของเขาอีกครั้ง
“อึกๆ...”
หลังจากที่ดื่มไปครึ่งชาม หยางจิ่นซิ่วก็ฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย จิตใจสำนึกของนางค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้น
เมื่อนางแน่ใจแล้วว่าเป็นฉินเหยียนจริงๆ ที่อยู่ตรงหน้านาง ไม่ใช่ความฝัน นางพูดเสียงอ้อแอ้
“ก่อนตาย ข้าได้เห็นหน้าเจ้า ข้าก็นอนตายตาหลับแล้ว ฮือๆๆ...”
นางพูดไปร้องไห้ไป
ต้าหย่งพูดอย่างฉะฉาน
“นี่เรียกว่าเป็นพลังแห่งรัก”
ฉินเหยียนเป็นปมในใจของหยางจิ่นซิ่วมาโดยตลอด เป็นปมที่ไม่อาจแก้ได้ ตอนนี้เมื่อฉินเหยียนอยู่ที่นี่ ปมในใจได้ถูกแก้แล้ว ทำให้หายเป็นปลิดทิ้ง
หมอหยิบซองยาสีทองอีกห่อ แล้วรีบส่งให้หญิงรับใช้
“ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน รีบเอาเข้าไปให้เร็วเข้า ให้อ๋องเหยียนทายาให้แม่ทัพหยาง”
หญิงรับใช้หยิบยาห่อสีทองแล้วเข้าไปในบ้านพัก
“อค์ชาย แม่ทัพหยางบาดเจ็บที่เนื้อตัวมากมาย ได้เวลาใส่ยาแล้ว นี่คือยารักษาแผลเจ้าค่ะ”
ฉินเหยียนรับมันเอาไว้
“ส่งยามาให้ข้า ข้าจะใส่ยาให้นางเอง พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ”
หญิงรับใช้โค้งคำนับ ยื่นยาให้ฉินเหยียนแล้วออกไปเฝ้าประตูทันที
เหลือเพียงแค่ฉินเหยียนและหยางจิ่นซิ่วในห้องสองคน
ฉินเหยียนเริ่มถอดเสื้อผ้าของหยางจิ่นซิ่วโดยไม่สนใจว่าเขาเป็นผู้ชายและอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง
ผิวของหยางจิ่นซิ่วกลับมาเป็นสีชมพูอีกครั้ง นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเขินอายหรือไม่
“เจ้ารู้วิธีรังแกข้า”
ฉินเหยียนพูดออกมา
“ข้าไม่เห็นร่างกายเจ้ามาก่อนอย่างนั้นหรือ?”
เขาไม่สนใจความเขินอายของหยางจิ่นซิ่ว ค่อยๆ ปลดกระดุมและเปิดตู้โตวออก เขาขมวดคิ้วแน่นและสายตาเต็มไปด้วยความเสียใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...