องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 522

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!”

ไท่ฟู่สีหน้าซีดเซียว เขาไม่ยอมรับว่านี่คือความจริง

“ยามอดอยาก หากชาวเมืองได้ทานจนอิ่มท้อง มีหนังสือให้เรียน พวกเขาจะก่อให้เกิดภัยคุกคามต่ออำนาจของราชวงศ์ ทั่วทั้งใต้เหล้านี้ต่างก็กดหัวชาวเมือง ไม่ให้พวกเขาได้เชิดหน้าชูตา ที่เจ้าทำมันผิดต่อกฎสวรรค์!”

“กฎสวรรค์บ้าบออะไรของเจ้า!” ฉินเหยียนมองไปรอบๆอย่างน่าเกรงขาม แล้วตะคอกอย่างเข้มงวดว่า “กฎแห่งสวรรค์นั้นทำสิ่งที่พึงกระทำ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่พึงกระทำ”

“ฟ้าดินไร้ปรานียึดถือสรรพชีวิตเฉกเช่นสุนัขฟาง ปราชญ์ก็ไม่มีคุณธรรมะปฏิบัติต่อมนุษย์ทั่วไปประหนึ่งพวกเขาเป็นตุ๊กตาฟาง ในสายตาของเจ้า ผู้ชายก็สมควรจะเป็นทาสของเจ้า ผู้หญิงก็สมควรจะรับใช้เจ้า ยอมให้เจ้าทำทุกอย่างที่ต้องการ หากไม่เชื่อฟัง เจ้าก็จะตัดแขนตัดขาพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่มีความก้าวหน้า”

“แต่ตราบใดที่ให้โอกาสพวกเขา ให้พวกเขาได้มีความเจริญในหน้าที่การงาน ข้ามผ่านชนชั้น ชาวเมืองก้จะหลุดพ้นจากตระกูลขุนนางเก่าแก่”

“พวกเขาจะโดดเด่น จะใช้ความสามารถของตนเองพิสูจน์ต่อทั้งโลก ว่าไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ตราบใดที่มีความสามารถก็ย่อมมีประโยชน์!”

“หากพระราชสำนักแห่งอาณาจักรฉินยังตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกตระกูลขุนนางเก่าแก่อย่างพวกเจ้า อาณาจักรฉินยังคงเป็นอาณาจักรฉินที่คร่ำครึ ยังคงเป็นอาณาจักรฉินที่ถูกตระกูลขุนนางสูบเลือดสูบเนื้อ ถูกพวกเจ้าเอาเส้นผมบังภูเขา จนอาณาจักรฉินเละเทะไปหมด จะล้มมิลมแหล่ เช่นนั้นจึงจะล่มสลาย ใช่รึไม่!”

คำพูดของฉินเหยียนดังสนั่น ทำเอาฮ่องเต้ฉินถึงกับตะลึง แต่เมื่อไตร่ตรองให้ดีแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลายปีมานี้ทุกๆเขตจะตกอยู่ในเงื้อมมือของเหล่าตระกูลขุนนาง ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการสอบได้ล้วนเป็นลูกศิษย์ของตระกูลขุนนาง ไม่เคยมีชาวเมืองผ่านการสอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

พวกเขาถูกตระกูลขุนนางเก่าแก่กดขี่ข่มเหง ต่อให้จะมีนักนักปราชญ์ผู้มีความสามารถ เขาที่เป็นฮ่องเต้ก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เมื่อเป็นเช่นนั้น ไม่รู้ว่าทุกๆราชวงศ์ที่ผ่านมาผู้มีพรสวรรค์ถูกกลบไปเท่าไรแล้ว

บัดนี้เหล่าตระกูลขุนนางถูกกำจัดแล้ว คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถและมีความรู้ต่างก็ได้แสดงความสามารถออกมากันหมด เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้แล้ว ดูท่าสิ่งที่เหยียนเอ๋อร์ทำจะถูกต้องแล้ว!

ในขณะที่คิดอยู่ ฉินเหยียนก็ใช้โอกาสนี้พูดต่อว่า “ท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อได้ผ่านการสอบแล้ว ไม่ว่าผู้ที่ผ่านจะเป็นชายหรือหญิง ก็สมควรที่จะประกาศรายชื่อต่อทุกคน เพื่อแสดงอำนาจอันเอื้อเฟื้อของอาณาจักรฉินพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อไท่ฟู่ได้ยินดังนั้นแล้วก็หัวเราะเสียงดัง แล้วพูดประชดว่า

“ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่รึไม่ เป็นถึงอาณาจักรฉินแต่กลับให้หญิงชาวเมืองธรรมดาๆเข้าสอบราชการ หากถูกเผยแพร่ออกไปก็คงเป็นเรื่องที่น่าขันที่สุด! หรือว่าพวกเจ้าขาดคนที่มีความสามารถรึ จึงได้ให้หญิงชาวเมืองพวกนั้นเข้ารับราชการ ฮ่องเต้ฉินเอ๋ยฮ่องเต้ฉิน เจ้าจะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะ!”

“เจ้าจะต้องถูกตรึงไว้กับเสาแห่งความอับอาย และจะถูกคนรุ่นต่อไปหัวเราะเยาะไปอีกหลายพันปี!”

“หุบปาก!” ฉินเหยียนพูดแทรกขึ้นแล้วพูดอย่างเข้มงวดว่า “ใครว่าหญิงเทียบชายไม่ได้! ในสายตาของเจ้าก็มีแต่การแบ่งแยกชายหญิง กลับมองไม่เห็นความสามารถของพวกเขา คนต่ำต้อยเช่นเจ้ายังกล้าพูดจาโอหังอีกนะ บอกว่าอาณาจักรฉินจะต้องถูกหัวเราะเยาะงั้นรึ ช่างมีตาหามีแววไม่”

“ข้ากล้าพนันกับเจ้าว่าพวกเขาทุกคนจะต้องถูกจารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์ในอนาคตแน่นอน ส่วนเจ้าก็จะถูกแขวนไว้กับเสาแห่งความอับอาย เหม็นโฉ่หมื่นปี!”

คำพูดของฉินเหยียนนั้นทรงพลังอย่างมาก ทำเอาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงฮ่องเต้ฉิน ต้องรู้สึกตะลึงอย่างมาก

ไท่ฟู่กัดฟันแล้วพูดว่า “แพ้เป็นโจร ชนะเป็นกษัตริย์ ข้าไม่มีอะไรจะพูด!”

ไท่ฟู่ดิ้นรนไม่หยุดแล้วตะโกนอย่างไม่พอใจว่า “ฮ่องเต้ฉิน เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้ ข้าคืออาจารย์ผู้มีพระคุณของเจ้า ช่วยให้เจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ เจ้าจะเสร็จงานฆ่าโคถึกไม่ได้......”

องครักษ์ไม่แยแสและลากตัวไท่ฟู่ออกจากตำหนักจินหลวนไป

ในขณะที่ฉินเหยียนกำลังจะเดินออกไปฮ่องเต้ฉินก็รีบถามขึ้นว่า “เหยียนเอ๋อร์ เจ้าจะจัดการกับไท่ฟู่อย่างไรรึ?”

ฉินเหยียนประสานมือคารวะรายงานว่า “ท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ ไท่ฟู่ได้กระทำความผิดมากมายยิ่งนัก ลูกมีความคิดว่าจะประหารโดยลงโทษหลิงฉือต่อไท่ฟู่ต่อหน้าสาธารณชน เพื่อแสดงอำนาจของราชวงศ์พ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วเหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราก็เกรงกลัวอย่างมาก พวกเขาดึงสติกลับมาแล้วรีบเขียนบันทึกว่า องค์ชายสิบสี่แห่งอาณาจักรฉิน คิดจะประหารอาจารย์ผู้มีพระคุณของราชวงศ์ต่อสาธารณชน

ฮ่องเต้ฉินสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาเป็นคนที่ห่วงหน้าตาอย่างมาก กลัวว่าตนเองจะถูกบันทึกอย่างเหม็นโฉ่ไปหมื่นปี แม้ว่าฉินเหยียนจะออกหน้าแทนเขา แต่สุดท้ายก็จะต่อว่าเขาหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์

ในขณะที่ฮ่องเต้ฉินกำลังลังเล ฉินเหยียนก็ประสานมือคารวะพูดว่า

“ท่านพ่ออย่าได้กังวลใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ กฎเกณฑ์เขียนโดยผู้มีอำนาจ ลูกได้เตรียมสองสิ่งเอาไว้แล้ว จะต้องจัดการเรื่องนี้ได้อย่างดีแน่นอน ท่านพ่ออย่าได้กังวลใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ทันใดนั้นฮ่องเต้ฉินก็รู้สึกสนใจขึ้นมา “เจ้าเตรียมอะไรไว้รึ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์