องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 534

“ฮ่าๆๆ!” ขุนนางฝ่ายบู๊ที่คุมสอบเห็นดังนั้นต่างก็พากันหัวเราะ

“อย่างไรรเป็นผู้หญิง นางไม่มีความกล้าที่จะเผชิญกับการเข่นฆ่ากันบนสนามรบหรอก!”

“หากเปรียบเทียบระหว่างให้ดูหญิงสาวขี่ม้าทำสงคราม ข้าชอบดูหญิงสาวทำสงครามบนเตียงมากกว่า แม่นางผู้นี้ขี่ม้าได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เกรงว่าวิชาบนเตียงคงเหนือชั้นกว่าขี่ม้าเป็นแน่ฮ่าๆๆๆ”

เสียงคำสบประมาทดังขึ้นไม่ขาดสาย เหล่าทหารทั้งหลายต่างก็ไม่เชื่อในตัวเซี่ยชิง การที่นางชนะได้ในรอบแรกถือว่าโชคดี แต่ในรอบที่สองนี้ นางจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน!

“อย่าคิดหนีเชียว มาสู้กับข้าให้รู้ดำรู้แดงไปเลย!”

นายพันทหารม้าขี่ม้าไล่ตามอย่างรวดเร็ว แต่ม้าศึกนั้นมีความต่างชั้นกันอยู่ เขาไล่ตามเซี่ยชิงไม่ทันเลย ทำให้เขาด่าทอตามหลังเสียงดังว่า

“เจ้าเอาแต่หนีไม่กล้าเผชิญหน้ากับข้า เป็นผู้หญิงจะมาเข้าร่วมกองทัพได้อย่างไร กลับบ้านไปดูแลครอบครัว คลอดลูกเถอะไป”

“ไป!” เซี่ยชิงถูกโจมตีด้วยคำพูดสบประมาทมากมาย นางขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็ดึงธนูเพื่อยิง

“สวบสวบสวบ” ลูกธนูสามดอกถูกยิงออกมาพร้อมกันอย่างน่าผวา

“หยุด” นายพันทหารม้าที่วิ่งไล่ตามเห็นท่าไม่ดีจึงรีบดึงบังเหียนม้าให้หยุดลง แต่ในสนามรบ การแพ้ชนะคือเรื่องในพริบตาเท่านั้น

ลูกธนูสามดอกที่ถูกยิงออกมาทำเอานายพันทหารม้าตั้งตัวไม่ทัน จังหวะการขี่ม้าเสียสมดุลจนเกือบจะตกจากม้าไป แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ลูกธนูทั้งสามดอกที่เซี่ยชิงยิงออกมา มีหนึ่งดอกที่ปักเข้าที่ขาม้าพอดี ม้าศึกของนายพันทหารม้าร้องเจ็บปวดแล้วล้มลงกับพื้น และทำให้นายพันทหารม้าตกจากหลังม้าด้วยเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น?”

ชัยชนะที่ปรากฏขึ้นทำให้ผู้นั่งชมเกิดฮือฮาขึ้นอีกครั้ง

“นายพันทหารม้าตกจากหลังม้าแล้วรึ แม่นางผู้นั้นชนะอีกแล้ว!”

“พระเจ้า นางสามารถยิงธนูพร้อมกันสามดอกเลยรึ?”

แต่เหล่าแม่ทัพแตกต่างจากผู้ชม พวกเขาล้วนกัดฟันไม่พอใจ

“บังอาจเกินไปแล้ว ปล่อยให้แม่นางผู้นี้ชนะอีกแล้ว เสียงแรงที่เป็นนายพันทหารม้า!”

“ขายหน้า ขายหน้าสิ้นดี!”

สำหรับเหล่าทหารที่ผ่านสมรภูมิมามากมายแล้ว การตายบนสนามรบนั้นไม่ขายหน้า แต่สิ่งที่ขายหน้าที่สุดคือการพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ หากถูกเผยแพร่ออกไปผู้ชายที่ไหนจะยอมรับความจริงที่พ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงได้

“นางผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่?”

“นางเอาชนะขั้นที่แปดระดับสูงได้ รอบหน้านางก็จะเป็นขั้นที่เจ็ดระดับสูงแล้ว จะปล่อยให้นางชนะต่อไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

ฉินเหยียนยิ้มแย้มแล้วดูการแข่งขันต่อ แต่นอกจากเซี่ยชิงที่มีทักษะการขี่ม้าที่โดดเด่น สามารถคุมม้าได้อย่างอิสระบนสนามแล้ว ทหารม้าคนอื่นๆต่างโง่เขลาและมีทักษะขี่ม้าที่ไม่ดีเลย ตามหลักเหตุผลแล้ว ทหารม้าจะเดินทางอยู่เสมอ ดังนั้นทักษะการขี่ม้าจึงไม่น่าอ่อนนัก

เหตุใดทุกครั้งที่ถูกจู่โจมกะทันหันจึงตกจากหลังม้าได้ง่ายๆ? และในขณะที่ฉินเหยียนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็เห็นเซี่ยชิงขี่ม้าน้อมรับเสียงเชียร์ของเหล่าชาวเมืองอยู่ เขาจ้องมองไปแล้วสะดุดตาที่โกลนม้าของม้าศึกของเซี่ยชิง

เขาถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ต้าหย่ง เหตุใดม้าศึกของทหารม้าคนอื่นๆจึงไม่มีโกลนม้าล่ะ?”

ต้าหย่งหัวเราะพูดว่า “อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ โกลนม้าคือสัญลักษณ์ที่ทรงมอบให้ทหารม้าพยัคฆ์เสือดาวโดยเฉพาะนะพ่ะย่ะค่ะ เพราะมีโกลนม้า เราจึงนำกองทัพอื่นๆในสนามรบ ทหารม้าค่ายอื่นๆจะเคยเห็นของดีอย่างโกลนม้าได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วฉินเหยียนก็เข้าใจทันที เขาตบศีรษะตนเองเบาๆแล้วพึมพำว่า

“จริงสิ ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร”

ในยุคสมัยของเขา ข่านเทมูจินเป็นคนประดิษฐ์โกลนม้าขึ้นมา เพราะมีโกลนม้า ข่านเทมูจินจึงได้กวาดยึดทั่วยุโรป ต่อมาจึงได้รับฉายาว่าเจกีสข่าน

ทหารม้าในยุคโบราณนี้ ส่วนใหญ่ไม่มีโกลนม้ากันทั้งนั้น มีเพียงทหารม้าพยัคฆ์เสือดาวของฉินเหยียนที่มี อีกทั้งยังไม่เคยเผยแพร่ในกองทัพเลย

เมื่อคิดดังนั้นแล้วฉินเหยียนก็รีบออกคำสั่งว่า “ต้าหย่ง เจ้ารีบไปแจ้งกรมโยธาธิการ ว่าให้สร้างโกลนม้าอย่างเต็มที่ ของดีเช่นนี้จะเก็บไว้เองไม่ได้”

ต้าหย่งตาเป็นประกายแล้วพูดอย่างดีใจว่า “พ่ะย่ะค่ะ จะไปดำเนินการที่กรมโยธาธิการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์