เมื่อเห็นว่ารถม้าไม่คิดหยุด ชาวบ้านจึงพากันขวางทางกันอย่างบ้าคลั่ง
วางไปข้างหน้านอนลงกับพื้นขวางทางรถม้าเอาไว้ และเริ่มสร้างปัญหา พร้อมร้องตะโกนออกมา
“พวกเจ้าออกไปไม่ได้ ส่งเด็กนั่นคืนมาให้เรา!”
“หากไม่ส่งเด็กนั่นคืนมา ก็อย่าหวังว่าจได้ออกไป นอกจากจะวิ่งทับเราจนตาย!”
“พ่อหมอ” ยังคงหัวแข็ง เขาหยุดอยู่ต่อหน้ารถม้า กางแขนออกแล้วยืนกรานว่า
“ตอนนี้มีคนหลายสิบคนในหมู่บ้านล้มป่วยและอดอยาก พวกเขากำลังจะตาย หากไม่สังเวยชีวิตนางเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งแม่น้ำในวันนี้ พวกเราทุกคนในหมู่บ้านไม่อาจรอดตายได้ ต้องใช้ชีวิตนางบูชาเทพเจ้าเท่านั้น!”
ในรถม้า ฉินเหยียนที่รู้สึกขยะแขยงและเกลียดชังพวกคนโง่เหล่านี้ และออกคำสั่งเด็ดขาดว่า
“ออกไป!”
หลังจากได้รับคำสั่ง กองพันทหารม้าเสือดาวรีบก้าวไปข้างหน้าและแตะ “พ่อหมอ” ที่ขวางทางรถม้าของอ๋องเหยียนออกไปไกลหลายเมตร
“พ่อหมอ” ที่กำลังสับสน ล้มหน้าคว่ำลงไปกับพื้นและกลิ้งไกลออกไป เขายังคงชี้ไปที่รถม้าและปลุกระดมชาวบ้าน
“เร็วเข้า รีบเข้าไปแย่งตัวนางมา!”
เมื่อเห็น “พ่อหมอ” ที่ถูกทำร้ายจนล้มกลิ้งลงไป ชาวบ้านพากันวิตกกังวลและตะโกนออกไปด้วยควาฒโกรธ
“สู้กับพวกมัน!”
พวกเขาตรงไปยังรถม้าด้วยใบหน้าดุร้าย ตั้งใจแย่งชิงตัวเด็กสาวคนนั้นกลับมา
แต่ชาวบ้านที่เสียสติกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของของทหารม้ากองพันเสือดาวแม้แต่น้อย เพียงแค่ลงไม้ลงมือไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็ไร้เรี่ยวแรงในการสู้กลับแล้ว
เพื่อเป็นการให้ทุกคนเสียกำลังใจ ต้าหย่งดึงตัว “พ่อหมอ” ที่เหมือนไก่บ้านตัวเล็กขึ้นมา แล้วโยนลงไปที่แม่น้ำ แล้วพูดอย่างชอบธรรมว่า
“ใช้เจ้าเป็นเครื่องสังเวยเทพเจ้าแห่งแม่น้ำเสียแล้วกัน!”
“อ้ะ!”
“จ๋อม”
“พ่อหมอ” ตกลงไปในแม่น้ำและพยายามดิ้นรนเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ช่วย ช่วยข้าด้วย...”
หลังจากจัดการกับพวกชาวบ้านแล้ว รถม้าของฉินเหยียนก็แล่นผ่านหมู่บ้านไปอย่างาบรื่น และออกจากหมู่บ้านที่มีแต่ปัญหาแห่งนี้ทันที
พระอาทิตย์ตกอยู่เหนือภูเขาด้านตะวันตก
ฉินเหยียนพบที่ราบที่เหมาะแก่การจอดพักรถม้าและตั้งค่ายพักแรม
หลังจากที่จัดการตั้งค่ายแล้ว เริ่มจุดไฟ หยางจิ่นซิ่วนำกลุ่มหมอเขามมาทันที
หยางจิ่นซิ่วถอดหน้ากากของนางออก แล้วเข้ามาหาฉินเหยียนและถามอย่างเร่งรีบ
“เหตุใดเจ้าถึงขอให้ข้าหยุดควบคุมโรคระบาดล? โรคระบาดกำลังแพร่ไปทั่วหมู่บ้านสือโถวโกว ชาวบ้านติดเชื้อและไออย่างหนัก ทำไมอยู่ๆ ถึงไม่ช่วยชีวิตพวกเขาแล้วล่ะ?”
ฉินเหยียนที่กำลังย่างเนื้ออยู่ที่กองไฟ เมื่อได้ยินหยางจิ่นซิ่วพูดถึงชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนั้น เขาพลันมีสีหน้ารังเกียจขึ้นมาทันทีและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าไปถามคนอื่นเถิด ข้าขี้เกียจเล่า”
หยางจิ่นซิ่วขมวดคิ้ว ปกติแล้วฉินเหยียนเป็นคนมีน้ำใจเป็นอย่างมาก นางขึงหันไปหาต้าหย่งด้วยความสงสัยและถามออกไป
นางจับมือและปลอบใจอีกฝ่าย
“พวกข้าไม่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้ ในเมื่อตอนนี้พวกข้าช่วยเจ้าแล้ว เจ้าแค่ใช้ชีวิตให้ดี ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ไปกันเถิด ลงจากรถไปกินข้าวกัน!”
เมื่อพูดเช่นนั้น นางดึงเด็กผู้หญิงคนนั้นลงจากรถม้า พาตัวนางไปหาฉินเหยียน
ฉินเหยียนพูดทักทายอย่างไม่เห็นแก่ตัว
“นั่งสิ”
เขาหยิบน่องไก่ยื่นให้นางกิน
เด็กสาวคนนั้นไม่ได้หยิบขาไก่ในทันที ได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้น มองไปที่ฉินเหยียน น้ำตาคลอเบ้าและพูดออกไปอย่างลังเลว่า
“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าหรือ? ข้าเป็นตัวซวยนะ”
ฉินเหยียนตอบกลับ เมินเฉยต่อคำพูดนางว่า
“อะไรคือตัวซวย นั่นเป็นความเชื่อของพวกนอกรีต แฝงหาผลประโยชน์จากตัวคนอื่น ในแม่น้ำนอกจากพวกผีคนจมน้ำแล้ว ไม่มีเทพแห่งแม่น้ำแน่นอน ข้านี่แหละคือเทพ!”
ต้าหย่งตอบกลับทันที
“ถูกต้อง ท่านนี้คืออ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน เขาเป็นที่รู้จักในนามเทพเจ้าที่ได้จุติลงมาบนโลกอย่างแท้จริง ตอนนี้เขานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้ายังจะกลัวอะไรอีก?”
ฉินเหยียนยื่นขาไก่ให้นางอีกครั้งและพูดอย่างจริงจัง
“เจ้าไม่ต้องกังวล ต่อไปนี้ข้าจะปกป้องเจ้าเอง มาดูกันว่าใครจะกล้ารังแกเจ้าอีก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...