องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 610

ในวัดโทรมๆเต็มไปด้วยขอทานทั้งนั้น ทุกคนซูบผอม หิวจนขดตัว นอนพิงไปทั่วพื้น และพึมพำด้วยดวงตาที่ไร้วี่แววว่า

“หิว หิว......”

เพื่อที่จะเข้ากับพวกเขา ฉินเหยียนได้หยิบท่อนไม้มาเป็นไม้เท้า เขาจงใจแสร้งทำเป็นว่าเดินโซเซไปในวัดโทรมๆ แล้วยังพูดพึมพำอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า

“หิว จะหิวตายแล้ว”

แถมยังได้ส่งสายตาให้เสี่ยวจิ่วให้เลียนแบบท่าทีของขอทานแบบเขาด้วย เสี่ยวจิ่วเข้าใจทันที เขารีบทำหน้าทำตาโค้งตัวแล้วก้าวเดินอย่างยากลำบาก ราวกับว่าจะล้มตายอยู่กับพื้นให้ได้

เมื่อฉินเหยียนเห็นว่าเสี่ยวจิ่วแสร้งทำได้เหมือนกว่าเขาอีก ก็แอบชูนิ้วโป้งให้เสี่ยวจิ่ว

เสี่ยวจิ่วแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน จากนั้นก็รีบกลับไปแสดงท่าทีสีหน้าที่หิวโหย

เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในวัดโทรมๆแล้ว ฉินเหยียนก็แสร้งทำเป็นเดินไปไม่ไหวแล้ว เขาถอนหายใจแล้วนั่งลงข้างๆขอทานคนหนึ่ง เสี่ยวจิ่วเองก็นั่งลงตามด้วย

ฉินเหยียนกวาดตามองไปรอบๆ ในวัดมีขอทานอยู่ไม่น้อยเลย จึงได้คิดจะเริ่มแผนการ เขากระแอมแล้วจงใจพูดเสียงดังว่า

“เฮ้อ สามวันมานี้ข้าได้ทานเพียงซาลาเปาแค่ครึ่งชิ้น ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องอดตายแน่ๆ ต่อให้ข้าตายไปก็ไม่เป็นไร แต่สงสารน้องสาวของข้าจริงๆ อายุยังน้อยยังไม่ทันได้เริ่มใช้ชีวิตก็ต้องมาหิวตายแบบนี้ พวกเจ้าว่านี่มันอะไรกันเนี่ย!”

ขอทานที่อยู่ข้างๆพูดปลอบใจอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “เจ้าจงพอใจเถิด เมื่อห้าวันก่อนข้าได้ทานเพียงน้ำซาวข้าว ตอนนี้หิวจนหน้ามืดตาลายไปหมด แล้วข้าจะไปเอาเรื่องกับใครได้”

ขอทานอีกคนเองก็พูดว่า “พวกเจ้าจะไปยากลำบากอะไร ลูกชายข้าหิวตายไปเมื่อสามวันก่อน ทั้งครอบครัวเหลือข้าเพียงคนเดียว หากยังไม่มีข้าวกิน หลังจากเจ็ดวันของลูกชายข้า ก็คงเป็นวันตายของข้าแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้นฉินเหยียนก็รู้สึกพูดไม่ถูก หากไม่รีบผสมโรงเกรงว่าชาวเมืองอาณาจักรจ้าวคงได้หิวตายไปมากกว่านี้

เขารีบพูดต่อว่า “ตอนนี้เกิดความหิวโหยไปทั่ว แม้แต่เปลือกไม้ก็จะถูกแทะจนหมดแล้ว พวกเจ้าว่าพวกขุนนางทานอะไรกันบ้าง?”

เหล่าขอทานพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกขุนนางก็ต้องได้กินของดีๆสิ มีเนื้อมีเหล้าทุกมื้อ ภาวะขาดแคลนอาหารไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาอยู่แล้ว”

“นั่นสิ น้ำซาวข้าวที่ออกมาจากพวกตระกูลขุนนาง เพียงพอให้ชาวเมืองอย่างพวกข้ากินปีหนึ่งแล้ว จะขาดไม่ขาดแคลนอาหาร คนที่ลำบากก็มีเพียงชาวเมืองอย่างเราๆทั้งนั้น”

ฉินเหยียนแสร้งทำเป็นตะลึงแล้วพูดว่า “จริงรึ เราหิวกันขนาดนี้ พวกเขากลับได้ทานอย่างเอร็ดอร่อย ไม่น่าถึงไม่สนใจว่าพวกเราจะเป็นหรือตาย!”

“วันนี้เช้าตอนข้าไปขอทานในเมืองได้ยินมาว่าอาณาจักรฉินส่งเสบียงมาช่วยเหลือ แต่พวกตระกูลขุนนางของอาณาจักรจ้าวกลับปฏิเสธไม่ยอมรับ แถมยังพูดว่าเรื่องที่เราหิวตายเป็นเรื่องเล็ก หากเสียศักดิ์ศรีเรื่องใหญ่กว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมให้คนอาณาจักรฉินมาช่วย!”

เหล่าขอทานได้ยินดังนั้นต่างก็เดือดดาลอย่างมาก พากันด่าทอว่า

“เจ้าพวกขุนนาง หากไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ไม่เข้าใจ!”

เหล่าขอทานต่างก็เลือดร้อน ทุกคนไม่มีใครสนใจความหิวและพูดอย่างดีใจว่า

“ข้าไปส่งข่าวทันที!”

“งั้นเดี๋ยวข้าไปส่งข่าวที่เมืองหนานและเมืองตงเอง!”

“พวกข้าจะไปที่เมืองเป่ยและเมืองซี ไปกัน!”

เหล่าขอทานต่างร่วมมือกันคอยพยุงกันมุ่งหน้าไปยังที่ๆคุ้นเคยเพื่อหาพรรคพวก ไม่นานในวัดก็เหลือเพียงฉินเหยียนและเสี่ยวจิ่ว ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม ภารกิจใหญ่สำเร็จ!

ทันใดนั้นเองเฝิงตู่ก็เดินเข้ามาวัดอย่างประหลาดใจ เขาคลาดกับพวกขอทานไป เขากำลังรู้สึกสับสน พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเสี่ยวจิ่วสวมใส่ชุดทรุดโทรม

เขาเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าที่สับสน “เสี่ยวจิ่ว เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นขอทานไปได้?”

เสี่ยวจิ่วหันหน้ากลับไป เฝิงตู่จึงเห็นฉินเหยียนที่กำลังนั่งอยู่บนพื้น เขาเองก็สวมเสื้อผ้าทรุดโทรมเช่นกัน เขากะพริตาปริบๆแล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า

“นี่หมอไม่ใช่รึ! เหตุใดพวกเจ้าจึงกลายเป็นขอทานไปได้เนี่ย?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์