องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 632

สองหมื่นตำลึงทองนั้นเป็นคำพูดที่พูดกันบ่อยๆ แต่เมื่อวางอยู่ตรงๆหน้าจริงๆแล้ว ก็ทำให้ใจเต้นเร็วและละสายตาไม่ได้เลย ทองคำแวววาวจนดึงดูดสายตาอย่างมาก จนพูดความในใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ทองคำมากมายเพียงนี้ยกให้พวกข้าทั้งหมดงั้นรึ?”

ผู้นำตระกูลขุนนางที่จิตใจไม่แน่วแน่ และลูกหลานที่อายุยังน้อยต่างก็ถามออกมาอย่างไม่รู้ตัว แม้ว่าจะเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ เคยครอบครองทรัพย์สินมากกว่านี้ แต่ในช่วงโกลาหลนี้ พวกเขาก็ไม่มีเงินทองมากมายนัก

เพราะความโลภ อันนำมนุษย์ไปสู่หายนะ เพียงแค่มองปราดเดียวก็ไม่อาจละสายตาไปได้แล้ว พวกเขาถูกทองคำที่แวววาวดึงดูดไปอย่างสิ้นเชิง

บางคนไม่อาจปิดบังความโลภมากของตนเองได้ บางคนเงียบไม่พูดอะไรแต่แววตาร้อนแรง และมีบางคนที่ดูถูก

“ข้าฟังความของอ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินไม่เข้าใจเท่าไร”

“ได้รับค่าตอบแทนโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จู่ๆก็เอาทองมากมายขนาดนี้มาให้พวกข้า ทำให้พวกข้าผวานัก”

“ดูท่าสิ่งที่จะให้เราช่วยคงไม่ใช่เรื่องเล็กสินะ”

“เจ้าและพวกข้าไม่ใช่คนทางเดียวกัน ทองคำเหล่านี้ไม่อาจทำให้พวกข้าหวั่นไหวได้ หากช่วยได้ก็จะช่วย แต่หากไม่ได้ก็ไม่ช่วย อย่าได้บีบบังคับกัน”

ทุกคนล้วนเห็นด้วยกับคำพูดนี้ ต่างก็จับจ้องฉินเหยียนรอคอยเขาพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เช่นนั้นข้าก็ขอพูดให้กระจ่างหน่อยละกัน” ฉินเหยียนพูดตรงประเด็น “ทุกท่านมาเป็นคนของอาณาจักรฉินเถิด!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วเหล่าตระกูลขุนนางก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที แววตาประกาย

“ทองคำเป็นเพียงของขวัญการพบหน้า ตราบใดที่พวกท่านภักดีต่ออาณาจักรฉิน ในอาณาเขตพื้นที่อาณาจักรจ้าวในอนาคต ข้าจะรับรองว่าพวกเจ้าจะมีอำนาจมากมาย ทำให้แต่ละตระกูลรุ่งเรืองไปอีกร้อยปี อีกอย่าง อาณาจักรฉินยังจะแต่งตั้งตำแหน่งให้ด้วย ถึงตอนนั้นก็จะเป็น......ขุนนางระดับที่หนึ่ง!”

จู่ๆฉินเหยียนก็กางแขนออกแล้วกวาดตามองทุกคน และพูดอย่างฮึกเหิมว่า

“ได้รับการแต่งตั้งยศสูงทุกชั่วอายุคน มรดกถาวรตกทอดรุ่นสู่รุ่น เจริญรุ่งเรืองอย่างที่สุด!”

สิ้นเสียง เหล่าขุนนางก็ตกตะลึงไปกันหมด มีบางคนที่พร้อมที่จะดำเนินการ บางคนหัวใจเต้นเร็ว และมีบางทีที่ถึงกับตาแดงจนแทบจะตอบตกลงทันที

“ทุกท่าน อาหารได้ตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว เชิญ”

คำพูดประโยคสุดท้ายของฉินเหยียนได้ทลายกำแพงในใจสุดท้ายของหลายคนไป ความโลภและความปรารถนาเติบโตขึ้นในใจเรื่อยๆ นี่คือการไม่อาจต้านความล่อลวงได้

หากทานอาหาร ก็คือการตอบรับคำขอของคนอาณาจักรฉิน ไม่ทานก็คือไม่เจียมตัว เป็นศัตรูของคนอาณาจักรฉิน จะเลือกอย่างไร ใช้หัวแม่โป้งเท้าคิดก็คิดได้แล้ว และในขณะที่เหล่าผู้นำตระกูลขุนนางกำลังจะถือตะเกียบขึ้นมา

จ้าวจีเอ๋อร์ยื่นตะเกียบไปเบื้องหน้าของผู้นำตระกูลแล้วจ้องมองเขา เห็นได้ชัดว่าให้เขาเป็นผู้นำก้มหัวให้ ผู้อาวุโสสบตากับจ้าวจีเอ๋อร์ ผ่านไปนาน สุดท้ายก็ยังคงโบกมือ

“อาณาจักรล่มสลายแล้ว จะให้ข้าทานอาหารขอคนอาณาจักรฉิน ข้าทำไม่ได้”

ว่าแล้วเชาก็หันหลังเดินไป “บางทีเจ้าอาจจะถูก และข้าก็ไม่ได้ผิด ใครจะรู้เล่า ทุกอย่างมีชะตาลิขิต จะร่ำรวยขึ้นอยู่กับวาสนา มองให้เรียบง่ายก็พอ ”

“แคร้ง” กองกำลังพยัคฆ์เสือดาวที่อยู่หน้าประตูชักดาบออกมา

“ท่านพ่อ!” ลูกชายที่อยู่ตระกูลเดียวกันเรียกผู้เป็นพ่อเอาไว้ “ตอบตกลงกับพวกเขาเถิด นี่คือความรุ่งเรืองมั่งคั่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดเชียวนะขอรับ”

ผู้อาวุโสหันกลับไปมองฉินเหยียนที่ไม่พูดอะไร “ความรุ่งเรืองมั่งคั่งนั้น สำหรับข้าที่แก่ชราแล้วมันก็แค่เมฆหมอกที่ผ่านตา อาหารง่ายๆ เมื่อจบชีวิตลงแล้วสุดท้ายก็ต้องกลับสู่พื้นดิน เพียงแต่เมื่อลงนรกแล้ว ก็ไม่อยากจะถูกบรรพบุรุษนินทาลับหลัง”

ฉินเหยียนโบกมือ “เจ้ามีความชอบธรรม ข้าขอนับถือ หากอยากจะไปก็ไปได้ ข้าจะไม่ห้าม หลีกทางให้เขา”

กองทัพพยัคฆ์เสือดาวต่างถอย แล้วฉินเหยียนก็ออกคำสั่งต่อว่า

“ส่งแขก คนอื่นๆใครอยากจะไปก็ย่อมได้ ประตูแห่งอาณาจักรฉิน เปิดต้อนรับทุกท่านเสมอ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์