องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 706

อีกด้านหนึ่ง

ฉินเหยียนทำตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ เขามาที่สำนักไป๋เสี่ยวเซิง เมืองหลางหยาเพื่อตามหาฟางถังจิ้ง

ฟางถังจิ้งรออยู่ที่ประตูตั้งแต่เช้า ตั้งหน้าตั้งตารอเขา เมื่อเห็นฉินเหยียนมาที่นี่ เขารีบโค้งคำนับด้วยความเคารพ

“พี่อาหนิว”

ฉินเหยียนทักทายกลับเสียงต่ำ

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

ฟางถังจิ้งมั่นใจ เขาตกอกตนเองแล้วให้คำมั่นว่า

“จัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าแค่พาเจ้าเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วล่ะ”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ

“ไม่มีปัญหา”

หลังจากนั้นหยิบเหรียญตราสัญลักษณ์อันดับสี่แห่งสำนักไป๋เสี่ยวเซิงออกจากแขนเสื้อตนเองและส่งคืนให้อีกฝ่าย

สำนักไป๋เสี่ยวเซิงเป็นสถาบันการศึกษาต้นแบบของอาณาจักรหลู่

ในจิ่วโจว อาณาจักรหลู่สนับสนุนวรรณกรรมและศิลปะการต่อสู้ มีสำนักการศึกษาหลีกสี่แห่งมีชื่อเสียงในจิ่วโจว ได้แก่ สำนักเผิงหลาย สำนักไป๋ลู่ สำนักเป่ยไห่ และสำนักหลางหยา นับตั้งแต่ก่อตั้ง ทั้งสี่สำนักได้สร้างนักปราชญ์ในอาณาจักรหลู่ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม สำนักศึกษาทั้งสี่แห่งนี้รับเฉพาะคนที่มาจากตระกูลขุนนาง เทียบเท่ากับโรงเรียนของพวกชนชั้นสูง หากคนธรรมดาต้องการศึกษา พวกเขาทำได้แค่เข้าศึกษาที่สำนักไป๋เสี่ยวเซิงเท่านั้น

แน่นอนว่า หากคนธรรมดาต้องการเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาทั้งสี่แห่งเพื่อเข้าศึกษาต่อ มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือต้องสอบผ่านการประเมินของสำนักไป๋เสี่ยวเซิงและสอบให้ได้ถึงอันดับสาม

หากคนทั่วไปถูกเปรียบเหมือนปลาคาร์ป และการสอบประเมินเปรียบดั่งมังกร วิธีเดียวที่จะสอบผ่านได้ นั่นคือปลาคาร์ปต้องกระโดดข้ามประตูมังกร

นี่เป็นโอกาสเดียวสำหรับคนธรรมดาที่จะก้าวกระโดดไปถึงจุดนั้นได้

ทันทีที่เข้ามายังสำนักไป๋เสี่ยวเซิง พลันเห็นแผ่นหินขนาดใหญ่ที่มีตัวอักษรสีแดงสลักอยู่

“คุณค่าอื่นใดหรือจะเทียบความรู้ได้”

ฉินเหยียนแอบด่าในใจ ดูเหมือนว่าความรู้ ความนิยมเรื่องการเรียนหนังสือจะได้รับความนิยมมากในอาณาจักรหลู่จนไม่อาจหลุดพ้นคำนี้ได้

สำนักไป๋เสี่ยวเซิงมีขนาดใหญ่มาก ลานกว้างเต็มไปด้วยผู้คน ทุกที่ในลานเต็มไปด้วยคนสวมเสื้อคลุมยาวเหมือนนักวิชาการมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องพระคัมภีร์และลัทธิเต๋า

ประมาณคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่าพันคน บางคนท่องบทกวี บางคนอ่านหนังสือเสียงดัง วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน บางคนโต้ตอบกันเรื่องพระคัมภีร์และตอบคำถาม

วันนี้เป็นวันรับสมัครคนเข้าศึกษาที่สำนักไป๋เสี่ยวเซิง ประชาชนเกือบทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อมาสอบ

เมื่อสอบผ่านเข้าไปยังสำนักไป๋เสี่ยวเซิงได้ และได้รับวุฒิการศึกษาขั้นต่ำในระดับปริญญาตรีอันดับเก้า จากนั้นจะกลายเป็นนักวิชาการด้านการเกษตร

คุณค่าอื่นใดหรือจะเทียบความรู้ได้

นี่คือสิ่งที่ชาวอาณาจักรหลู่ใฝ่หามากที่สุด

ฟางถังจิ้งพาฉินเหยียนเดินผ่านเข้ามาด้านใน ชี้ไปยังห้องโถงตรงหน้าและพูดว่า

“อักสักพักหลังจากเสียงตีฆ้อง เจ้าเข้าไปได้ อาจารย์จะนำเจ้าเดินเข้าไป ฝึกฝนตัวต่อตัว ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ เจ้าต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ”

“ทุกที่ที่เขาไป พวกตระกูลขุนนางต่างถูกหลอกให้ขายเสบียงอาหารให้ชายอาราจักรฉิน หลังจากนั้นชาวอาณาจักรฉินก็ได้แจกจ่ายอาหารให้ประชาชน”

คนจำนวนไม่น้อยถูกหลอก

“คนอาณาจักรฉินใจดีขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“ซื้อเสบียงอาหารในราคาสูง ชาวอาณาจักรฉินบ้าหรือเปล่า?”

“พวกเจ้ายังไม่เข้าใจล่ะสิ?”

“สาเหตุที่เรียกว่าตกเหยื่อนั้น เป็นเพราะว่าตระกูลขุนนางมีสายสัมพันธ์ สามารถซื้ออาหารจากอาณาจักรใกล้เคียงได้”

“ในเวลานั้นอาณาจักรฉินเก็บค่าเสบียงราคาสูง ทำให้พวกตระกูลขุนนางและพวกชนชั้นสูงเห็นโอกาสในการทำการค้า ส่งคนไปยังอาณาจักรอื่นเพื่อซื้อเสบียงอาหาร โดยตั้งใจว่าจะกลับไปขายให้กับขาวอาณาจักรฉิน”

“เมื่อเรื่องนี้กระจ่ายไปยังสี่อาณาจักร พวกเจ้าก็รู้ดีว่าไม่มีการค้าใดที่ไม่ทรยศหักหลัง พ่อค้าต่างอิจฉาตาร้อนกับผลกำไรหลายสิบเท่า และพวกเขาส่งอาหารทั้งหมดไปขายในอาณาจักรจ้าว”

“พวกเจ้าเดาผลลัพธ์ได้หรือไม่ เมื่อเสบียงอาหารทั้งสี่อาณาจักรมารวมตัวกันที่เมืองเปี้ยนจิงอาณาจักรจ้าว ฉินเหยียนก็หยุดซื้อขายอาหารและเริ่มแจกจ่ายอาหารให้ทุกคน”

“ด้วยวิธีนี้ อาหารที่ถูกขนส่งไปยังอาณาจักรจ้าวถูกจัดเก็บ ถูกกระจายไป เมื่อรวมค่าขนส่ง พากลับเมืองตนเองก็ขาดทุน”

“พวกเจ้าก็รู้ดีว่า ของราคาสูงขึ้นเมื่อขาดแคลน หากในตลาดมีจำนวนมากไปราคาก็ลดลงนี่เป็นเรื่องปกติ”

“ดังนั้นพ่อค้าชายอาหารทั้งสี่อาณาจักรทำได้แค่รีบขายทิ้งในราคาถูก”

“สิ่งนี้ช่วยให้อาณาจักรจ้าวแก้ไขปัญหาความอดอยากได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลยด้วยซ้ำ”

“สุดยอดมาก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์