องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 739

เถาซงจือพูดอย่างดีใจว่า “อย่าว่าแต่บททดสอบสามบทเลย ต่อให้สามร้อยบทก็ยังได้ขอรับ!”

เขาเองก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่ หากได้เป็นศิษย์ของนักปราชญ์แห่งวรรณกรรม ต่อให้ในอนาคตเขาไม่ได้เป็นข้าราชการสูงส่ง แต่ก็ต้องเป็นคนที่มีอำนาจมากแน่นอน

การที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถพลิกชะตาตนเองได้รึไม่นั้น ก็ต้องดูว่าการขอเป็นศิษย์ในวันนี้จะสำเร็จรึไม่ ดังนั้นเขาจะต้องทุ่มอย่างสุดกำลัง

ฉินเหยียนพยุงเถาซงจือให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง “ยืนขึ้นเถิด สิ่งที่ข้าต้องการจากเจ้ามีเพียงอย่างเดียวคือ จากนี้ไปหากพบข้าไม่ต้องคุกเข่า สามารถพูดคุยกับข้าได้อย่างเท่าเทียม”

เถาซงจือตอบกลับอย่างไม่คิดว่า “ศิษย์รู้แล้วขอรับ!”

เมื่อเขากำลังจะคุกเข่าลงก็นึกขึ้นได้ว่านักปราชญ์แห่งวรรณกรรมให้พูดคุยอย่างเท่าเทียม มีความคิดที่ล้ำหน้ามากเพียงนี้เชียว เขารีบยืนขึ้นแล้วโค้งตัวประสานมือคารวะ

ฉินเหยียนยิ้มบางๆ ถือว่าเจ้าหมอนี่ตอบสนองเร็วเหมือนกัน จึงได้ออกคำสั่งว่า

“เจ้าเองก็ได้เห็นกวางขาวที่เพิ่งเกิดแล้ว ไปหาอาหารให้หน่อย พวกซุปข้าว เอามาให้มันทานเสีย”

เถาซงจือได้ยินแล้วก็ตกตะลึงอย่างมาก “จะเลี้ยงเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ นี่คือกวางขาวเชียวนะขอรับ”

ฉินเหยียนไม่รู้ว่ากวางขาวมีความหมายต่ออาณาจักรหลู่อย่างไร จึงได้พูดอย่างสงสัยว่า

“กวางขาวทำไมรึ มีอะไรงั้นรึ?”

เถาซงจือตั้งใจอธิบายว่า “กวางขาวถือเป็นสัตว์มงคลเชียวนะขอรับ มันเป็นตัวแทนของราชวงศ์ด้วย มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะสามารถเลี้ยงกวางขาวได้ขอรับ”

ฉินเหยียนฟังไม่เข้าใจ “เจ้าหมายความอย่างไร?”

เถาซงจือพูดติดอ่างไม่ชัดเจน เพราะเขาระดับต่ำเกินไป ไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมด

“สรุปแล้วมันมีความหมายขอรับ ถามหัวหน้าคณะจะดีกว่าขอรับ หัวหน้าคณะรู้มากกว่าข้าแน่นอน”

ฉินเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าอาณาจักรหลู่จะมีเรื่องมากมายเพียงนี้ ช่างยุ่งยากจริงๆ เลี้ยงสัตว์ตัวหนึ่งต้องลำบากเพียงนั้นเชียวรึ?

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปถามมาให้ชัดเจนว่ากวางขาวทานอะไรกันแน่”

“ขอรับ จะไปถามเดี๋ยวนี้” เถาซงจือไม่รอช้า เขารีบหันหลังเดินไปยังสถานที่พักของหัวหน้าคณะ

แต่เมื่อเดินออกไปจากลานแล้วก็เห็นว่ามีผู้คนมากมายยืนอยู่หน้าประตูเต็มไปหมด คนพวกนี้ประสานมือคารวะ

“พวกข้าต้องการขอเป็นศิษย์ของนักปราชญ์แห่งวรรณกรรมขอรับ!”

เถาซงจือรีบปิดประตูลานทันที โชคดีที่เขาอยู่ในที่ที่อำนวยมากกว่า ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสแน่ๆ เขาหันหลังเดินกลับมาหาฉินเหยียนแล้วบอกเรื่องสถานการณ์ด้านนอกให้ฟัง

“ท่านว่าตอนนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ?”

ฉินเหยียนเองก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกด้านนอก ไม่รู้ว่าคนพวกนี้มีแผนอะไร อีกอย่างตอนนี้เขาสนใจแต่เรื่องเจ้ากวางน้อยสีขาวตัวนี้ จึงได้พูดว่า

“ไล่พวกเขาไปซะ จะมีเวลามาสนใจพวกเขาได้อย่างไร เรื่องกวางขาวสำคัญกว่า ไปถามเรื่องอาหารของกวางขาวก่อน”

เมื่อไล่ให้เถาซงจือออกไปแล้วก็ยังปิดประตูให้แน่นหนา เพราะกลัวว่าเสียงด้านนอกจะทำให้กวางขาวตกใจ

“ท่านพ่อเจ้าคะ ในเมื่อนักปราชญ์แห่งวรรณกรรมปรากฏตัวแล้ว มันก็เป็นโชคดีของอาณาจักรหลู่นี่เจ้าคะ เหตุใดท่านต้องกระวนกระวายเช่นนี้?”

จ้าวเหวินเซิงรีบน้ำชาแล้วดื่มคำโตๆ แล้วถอนหายใจพูดว่า

“เจ้าจะเข้าอะไร การที่กวางขาวปรากฏนั่นหมายความว่าจะต้องเปลี่ยนราชวงศ์ ตำแหน่งของอำนาจราชวงศ์นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักร! อีกอย่างฮ่องเต้หลู่อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสละราชสมบัติเพื่อคนที่คู่ควรกว่า”

“อีกอย่างจดหมายที่ท่านผู้อาวุโสส่งมานั้น คือให้ข้าถ่วงเวลาไว้ แล้วข้าจะถ่วงเวลาอย่างไรกัน!”

จ้าวจือหย่าพูดพึมพำว่า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิต การสมรสของข้ามีนักปราชญ์แห่งวรรณกรรมมาปรากฏตัวเช่นนี้ ดูท่าสวรรค์จะลิขิตมาแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นจ้าวเหวินเซิงก็นึกได้ทันที จริงสิ เขาลืมเรื่องสมรสไปได้อย่างไร!

จ้าวเหวินเซิงลูบเคราแล้วคิดแผนในใจ ในเมื่อบัดนี้นักปราชญ์แห่งวรรณกรรมปรากฏตัวแล้ว ก็ต้องดูว่าเฉิงอาหนิวยินดีจะสู่ขอบุตรสาวของเขารึไม่

หากเฉิงอาหนิวยินดี เช่นนั้นทุกอย่างก็จะง่าย เขาสามารถใช้โอกาสนี้ในการเสนอคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล เพื่อทำการถ่วงเวลา เอาเช่นนี้ละกัน!

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังมา

“นักปราชญ์แห่งวรรณกรรมคนใหม่เฉิงอาหนิว สั่งให้ข้ามาส่งข่าว มีเรื่องอยากจะขอปรึกษาท่านหัวหน้าจ้าวขอรับ”

จ้าวเหวินเซิงได้ยินชื่อของเฉิงอาหนิวแล้วก็รีบหุบยิ้ม เขารีบเดินไปเปิดประตูแล้วเห็นมีคนที่เสื้อผ้ารุงรังยืนอยู่หน้าประตู

“เจ้าคือใคร? เหตุใดจึงไม่สวมชุดให้เป็นระเบียบ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์