องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 742

การเปิดรับสมัครลูกเขยของตระกูลจ้าวได้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในอาณาจักรหลู่และตระกูลขุนนางส่วนใหญ่รู้ข้อมูลภายใน

ลูกสาวตระกูลจ้าวเป็นสินค้ามือสอง พวกเขาต้องการหาคนที่ซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบมาดูแลลูกสาวเขาไปตลอดชีวิต

ในอาณาจักรหลู่ หญิงไร้ยางอายคนนี้เป็นเพียงสินค้าตามท้องถนนที่ให้โดยไม่คิดเงิน ไม่มีใครต้องการนาง สถานที่แห่งเดียวที่นางไปได้คือการไปบวชเป็นแม่ชี

แต่ตระกูลจ้าวมีสถานะในอาณาจักรหลู่อยู่บ้าง เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงด้านการรักสันโดษ ในตระกูลไม่มีผู้ชาย การเปิดรับสมัครลูกเขยในครั้งนี้ ต้องรอหลังจากนี้อีกหนึ่งร้อยปี ทรัพย์สินทุกอย่างของตระกูลจ้าวถึงจะส่งมอบให้ลูกเขย

สิ่งล่อตาล่อใจนี้ดึงดูดคนทั่วไปเป็นอย่างมาก แต่ตระกูลขุนนางคิดว่าเป็นเรื่องนี้น่าหัวเราะ

เพียงแค่ไม่คาดคิดว่า งานรับสมัครลูกเขยของตระกูลจ้าว นักปราชญ์คนใหม่ปรากฎตัวขึ้นที่นั่น เกิดปรากฏการณ์ที่น่าประหลาดใจ อีกทั้งยังทำลายความกระตือรือร้นของงานรับสมัครลูกเขยอาณาจักรจ้าวอีกด้วย

หลังจากที่ตระกูลขุนนางได้รับข่าว พวกเขาก็ส่งทายาทสายตรงไปยังสำนักศึกษาไป๋ลู่ โดยตั้งใจว่าจะรับนักปราชญ์คนนี้ไว้ภายใต้การดูแลของเขาแทน

เพื่อประจบประแจงนักปราชญ์ บางคนถึงกับมานำของหมั้นและสมาชิกในครอบครัวที่สวยที่สุดในครอบครัวจับมาแต่งตัวอย่างสวยงามและยืนรอเฉิงอาหนิวที่ประตู และเริ่มกระจายข่าว

“ขอเพียงแค่ท่านตอบรับ ตระกูลฉีของข้ายินดียกลูกสาวให้แต่งงานกับท่านในฐานะนางสนม และมอบสมบัติทั้งหมดของตระกูลฉีให้กับท่านขอรับ!”

“ข้า ตระกูลจาง ยินดีมอบสมบัติทั้งหมดของตระกูลไว้เป็นของหมั้น ได้โปรดมาอยู่กับตระกูลจางของเราด้วยเถิด!”

ตระกูลใหญ่ทั้งหมดในอาณาจักรหลู่ต่างต้องการเป็นทองแผ่นเดียวกับเฉิงอาหนิว ดังนั้นตอนนี้ในบ้านของเฉิงอาหนิวเต็มไปด้วยคนจากตระกูลใหญ่ มีรถม้ามากกว่าสิบคันเรียงรายอยู่ คนที่นั่งด้านในล้วนเป็นลูกสาวที่ต้องการมอบให้เขา

ปกติจะไม่ค่อยได้เห็นผู้หญิงในตระกูลเหล่านี้ แต่ในวันนี้สามารถเห็นได้มากกว่าสิบคนมารวมตัวกันในคราวเดียว ฉากนี้เป็นเรื่องที่หาดูได้ยากมากในรอบร้อยปี อีกทั้งยังดึงดูดนักเรียนจากสำนักศึกษาไป๋ลู่ให้มาชมอีกด้วย

ทั้งสถานที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย ประตูลานเล็กๆ ที่เฉิงอาหนิวพักอยู่ถูกเปิดออกมา

ทุกคนต่างยืนแข็งทื่อ มองดูร่างที่เดินออกมา

ฉินเหยียนสวมเสื้อคลุมสีขาวอย่างดี เดินออกมายังลานบ้านอย่างอารมณ์ดี ด้านหลังมีผู้หญิงสองคนเดินตามมา คนหนึ่งหน้าตาสวย อีกคนหน้าตาน่าเกลียด มองดูจากเสื้อผ้าแล้ว น่าจะเป็นคนรับใช้

ด้านหลังผู้หญิงสองคนคือเถาซงจือ ที่เดินตามมาเป็นคนสุดท้ายและปิดประตู

ฉินเหยียนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นฝูงชนจำนวนมากมายืนรออยู่ที่ประตู มีรถม้าหลายคันจอดเรียงกันอยู่หลายสิบคัน

“เกิดอะไรขึ้น?”

ทันทีที่ฉินเหยียนเอ่ยปาก หัวหน้าตระกูลขุนนางก็รีบเข้ามารวมตัวกัน แนะนำญาติผู้หญิงของพวกเขา ฉินเหยียนตะโกนออกมาว่า

“พอได้แล้ว! ผู้หญิงธรรมดาเช่นนี้จะเข้าตาข้าได้อย่างไร!”

ประโยคนี้ทำให้บรรยากาศ ณ ที่แห่งนั้นแปลกไป

ประโยคนี้ทำให้บรรดาผู้หญิงบนรถม้าโกรธจัด

คนที่โมโหจัดรีบวิ่งลงมาจากรถม้าและฟาดงวงฟาดงาว่า

“เจ้ากล้าพูดว่าข้าเป็นผู้หญิงธรรมดาอย่างนั้นหรือ เจ้าตาบอดหรืออย่างไร!”

“ความงามของข้า งามมากจนต้องทำให้คนอื่นต้องตะลึง ทำให้ดวงจันทร์และดอกไม้ยังต้องอับอาย! ข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวจือหย่าแห่งเมืองไป๋ลู่เลยแม้แต่น้อย!”

ผู้หญิงเหล่านี้ที่มั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด วันนี้กลับถูกเรียกว่าเป็นผู้หญิงธรรมดา ประโยคนี้ก็พอๆ กับ จ้างจือหย่าที่เป็นสินค้ามือสอง ทำให้พวกนางโกรธมาก

มีการจัดเรียงแถวในลาน ตกแต่งด้วยโคมไฟ มีผ้าไหมสีแดงแขวนห้อยอยู่ทุกที่

มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางลาน มีนักเรียนนั่งบนอัฒจันทร์โดยรอบ ทุกคนต่างกระซิบกันไปมา

ทันทีที่ฉินเหยียนเดินเข้าไปในลาน นักเรียนทุกคนต่างยกมือทักทายเขา

“ยินดีที่ได้พบท่านนักปราชญ์ขอรับ!”

“ท่านนักปราชญ์สลายดีใช่หรือไม่ขอรับ!”

ฉินเหยียนตอบรับคำทักทายนั้น

“ขอให้ทุกท่านสบายดีเช่นกัน”

ในเวลานี้เสียงฆ้องดังขึ้น

“ตึง”

นักเรียนจากสำนักศึกษาไป๋ลู่พูดเสียงดัง

“วันนี้ถือเป็นเวลาฤกษ์งามยามดี การรับสมัครลูกเขยได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ขอเชิญผู้สมัครทุกคนขึ้นบนเวที!”

ฉินเหยียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาเดินก้าวใหญ่ไปยังเวที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์