เมื่อได้ยินเสียงนั้น ฉินซวงเอ๋อร์รู้ได้ทันทีว่ามีคนร้ายเข้ามา นางทิ้งมันเทศและวิ่งหนีกลับเข้าไปในบ้าน เปิดกองฟืนและรีบแอบด้านใน
นางขดตัวและซ่อนอยู่ข้างใน ปิดปากตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่หายใจ
ใจของเฝิงตู่ยิ่งกระตุกหนักขึ้นเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของซวงเอ๋อร์ เขาเดินเข้าไปในบ้านเงียบๆ เพราะกลัวว่าตนจะทำให้นางกลัวอีก
มองผ่านช่องฟืน เห็นร่างน้อยๆของซวงเอ๋อร์ซ่อนตัวที่สั่นเทาอยู่ในนั้น เขาเดินตรงไปที่กองฟืนและพูดเบาๆว่า
“เด็กน้อย เจ้าจำข้ามิได้หรือ?”
“ตอนที่ข้าป่วย เจ้าบอกให้ข้ากินเนื้อเยอะๆ แถมยังคีบเนื้อให้ข้ากิน”
“เช็ดน้ำลายและน้ำมูกที่ตัวข้าทุกครั้งเวลาที่ข้าหลับ”
ยิ่งซวงเอ๋อร์ได้ฟังมากเท่าไร เสียงนั้นยิ่งฟังดูคุ้นเคยมากขึ้นเท่านั้น นางใช้มืออันสั่นเทาเปิดช่องว่างเล็กๆและสิ่งที่นางเห็นคือใบหน้าของลุงแขนข้างเดียวที่นางคุ้นเคย
จู่ๆ ความกลัวและความเสียใจพุ่งขึ้นมา น้ำตาไหลอาบแก้มและพูดด้วยปากอันสั่นเทาว่า
“ลุงแขนเดียวทำไมถึงเพิ่งมา! ฮือๆๆ...”
นางผลักฟืนที่อยู่รอบตัวออก แล้วพุ่งไปหาเฝิงตู่ทั้งน้ำตา
เฝิงตู่เองก็น้ำตาซึม เขาอุ้มซวงเอ๋อร์ขึ้น เด็กน้อยคนนี้ผอมลงเยอะมากหลังจากที่เขาจากไป เขารีบถามว่า
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ แล้วพ่อของเจ้าล่ะ?”
ฉิยซวงเอ๋อร์น้ำตาไหลริน นางชี้ไปยังก้อนหินที่อยู่ตรงลานบ้านว่า
“พ่อถูกคนไม่ดีฆ่าตายแล้ว”
นางร้องพลางเล่าเหตุการณ์ที่นางไม่มีวันลืมให้ฟัง
ปรากฎว่าไม่กี่วันหลังจากที่เฝิงตู่จากไป กลุ่มนักฆ่าก็ติดตามเบาะแสและพบร่องรอยของเฝิงตู่ในหมู่บ้านนี้
เพื่อบังคับให้เฝิงตู่ปรากฎตัวออกมา นักฆ่าได้ฆ่าคนนับหมื่นไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
หมอซีที่กำลังออกไปเก็บยาเห็นกลุ่มนักฆ่าฆ่าคนบริสุทธิ์ เขารู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบกลับมาอย่างรวดเร็วและปิดประตู
ซวงเอ๋อร์ถามด้วยความงุนงง
“พ่อ พวกเราไม่ออกไปเก็บยากันหรือเจ้าคะ?”
“ชู่!”
หมอซีปิดปากนางทันทีและทำท่าให้นางรู้ว่าห้ามพูด
นักฆ่านั้นไวมากพวกเขาได้บินเสียงและเดินมายังข้างลานบ้าน หมอซีคิดได้ทันทีจึงรีบอุ้มฉินอู๋ซวงและซ่อนนางไว้ในถังข้าวและเตือนว่า
“ซวงเอ๋อร์ เด็กดี มีคนไม่ดีอยู่ข้างนอก ห้ามพูดอะไรเป็นอันขาด!”
ฉินอู๋ซงไม่รู้เหตุผล แต่นางพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และนำมือเล็กๆ ของนางปิดปาก ราวกับว่าพ่อว่านางจะไม่ส่งเสียงใดๆ
นางไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน นางทำอะไรไม่ถูกจึงเดินกลับบ้านด้วยความหวาดกลัว
หลังจากเดินทางกับพ่อมาหลายปี นางได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตโลกมากมาย อีกทั้งยังเข้าใจวิถีของชีวิต จึงเลียนแบบจากสิ่งที่นางเคยเห็น วางหินไว้บนหลุมศพว่า
ทุกวันนี้หากนางเหนื่อย นางจะนอนพิงก้อนหิน เมื่อหิวนนางถึงจะก่อไฟและย่างมันเทศเหมือนที่พ่อเคยทำตอนมีวิตอยู่
จนกระทั่งวันนี้นางได้เจอกับลุงแขนเดียวอีกครั้ง ใจของเด็กน้อยรับรู้ได้ถึงการมีชีวิตอยู่ของตนต่อ
เฝิงตู่มีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากซวงเอ๋อร์ หากไม่ใช่เพราะเขาความสงบสุขในหมู่บ้านคงไม่ถูกทำลาย ประชาชนในหมู่บ้านคงไม่ต้องพบเจอกับหายนะเช่นนี้ เด้กน้อยคนนี้คงไม่ต้องถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
เขาเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาให้ซวงเอ๋อร์แล้วตัดสินใจว่า
“อย่าร้องไห้ไปเลยเด็กน้อย ต่อจากนี้ไปข้าจะดูแลเจ้าเอง ข้าจะเป็นพ่อของเจ้า!”
ท้ายที่สุดแล้ว ซวงเอ๋อร์ก็ไม่อาจอยู่ตัวคนเดียวได้หากไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล เมื่อนางได้ยินว่าลุงแขนเดียวเต็มใจยอมรับนางเป็นลูกสาว นางไม่สนใจน้ำมูกที่ย้อยยาวของนาง โผเข้ากอดคอลุงแขนข้างเดียวด้วยความดีใจ แล้วถามอีกครั้งว่า
“ลุงแขนเขียว ทำไมลุงถึงแขนขาดล่ะเจ้าคะ?”
ก่อนที่เฝิงตู่จะทันได้ตอบ เสียงของซวงเอ๋อร์ดังก้องในหูของเขา ทำให้เขาพูดไม่ออก
“ข้าเริ่มจะรำคาญเจ้าแล้ว!”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็อุ้มนางขึ้นมาและมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรหลู่ทันที
ครั้งนี้ต้องส่งจดหมายให้แก่จ้าวจือหย่าให้จงได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...