ฉินเหยียนใช้ดาบชี้ไปยังศพของบริกรแล้วพูดว่า “ลากออกไปให้อาหารหมาซะ”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารหัวกะทิหามศพของบริกร โดยพวกเขาจงใจเดินผ่านกลุ่มของไส้ศึกอาณาจักรจ้าว
ไส้ศึกอาณาจักรจ้าวหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่ารายต่อไปจะเป็นตนเอง แม้แต่จ้าวจีเอ๋อร์ที่ใจดำอำมหิต เมื่อเห็นภาพนี้แล้วก็อดนึกถึงคืนงานเลี้ยงวันนั้นไม่ได้ ภาพที่ฉินเหยียนฆ่าไม่เลือก ทำให้นางสะดุ้งอย่างหวาดกลัว
ฉินเหยียนพูดเรียบๆว่า “พวกเจ้าก็เห็นแล้ว สารภาพแล้วจะเป็นอย่างไร ไม่สารภาพแล้วจะเป็นอย่างไร พวกเจ้าก็เลือกเองละกันนะ”
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฉินเหยียนก็ได้สอบสวนไส้ศึกอาณาจักรจ้าวทุกคนหนึ่งครั้ง เหล่าไส้ศึกอาณาจักรจ้าวต่างก็พูดในสิ่งที่ตนเองรู้จนหมด พวกเขาล้วนเป็นลูกหลานของครอบครัวที่ลำบาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถูกบังคับให้รับการฝึกฝนเป็นหน่วยกล้าตาย
ฉินเหยียนกวาดมือแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อพวกเจ้าเองก็จำใจต้องทำ งั้นข้าก็จะไม่ทำให้ต้องลำบากใจ แต่ความโหดร้ายที่พวกเจ้าได้เคยกระทำต่อหญิงโคมเขียวแล้ว สุดท้ายพวกเจ้าก็ไม่ถือว่าบริสุทธิ์”
เมื่อเหล่าไส้ศึกอาณาจักรจ้าวได้ยินดังนั้นก็ต่างคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิต “ไว้ชีวิตพวกข้าด้วยเถิดอ๋องเหยียน”
ฉินเหยียนนั่งไขว่ห้างแล้วพูดอย่างเชื่องช้าว่า “โทษประหารสามารถละเว้นได้ แต่ก็ต้องลงโทษ เสนาบดีกรมอาญา เจ้าพาผู้ชายไปไต่สวน ส่วนพวกผู้หญิงอยู่ที่นี่”
การกระทำขององค์ชายสิบสี่ในวันนี้ทำให้เสนาบดีกรมอาญาเปิดโลกอย่างมาก ตอนนี้ยังให้เขาพาไส้ศึกอาณาจักรจ้าวกลับไปทำการไต่สวน นี่เองก็ถือว่าเป็นความดีความชอบของเขาเช่นกัน เขาจึงรีบพูดว่า
“พ่ะย่ะค่ะ เมื่อรุ่งสาง ข้าจะพาพวกเขากลับไปไต่สวนที่กรมอาญาพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนมองเวลา ตอนนี้เป็นโฉ่วสือแล้ว เขาจึงพูดต่อว่า “ไม่ต้องรอให้ถึงรุ่งเช้า พาไปตอนนี้เลย”
เสนาบดีกรมอาญาไม่เข้าใจ “องค์ชายสิบสี่ ตอนนี้ฟ้ายังมืดอยู่ อีกหนึ่งชั่วโมงฟ้าก็สางแล้ว ถึงตอนนั้นจะเดินทางสะดวกกว่าไม่ใช่รึพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนเบ้ปาก “นี่ท่านเสนาบดี เจ้าเองก็ทำงานในกรมอาญามานานแล้ว เหตุใดเรื่องแค่นี้จึงไม่เข้าใจละ รุ่งสางพวกเจ้าเสียงดัง พาพวกไส้ศึกเดินอย่างเปิดเผย ไม่กลัวว่าหน่วยลับที่แอบซ่อนอยู่เห็นรึไง หรือเจ้าอยากส่งข่าวให้อาณาจักรจ้าวล่ะ?”
เสนาบดีกรมอาญาเข้าใจทันที ตอนนี้ไม่มีคนตามท้องถนน ไส้ศึกอาณาจักรจ้าวเดินมากมายขนาดนี้ก็ไม่เป็นเป้าสายตา
“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าจะพาพวกเขาไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อทำการคารวะเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาไส้ศึกอาณาจักรจ้าวมุ่งหน้าไปยังที่คุมขังกรมอาญาโดยมีเหล่าทหารหัวกะทิคุ้มครอง
เหล่าหญิงโคมเขียวไม่รู้ว่าเหตุใดจึงกักตัวพวกนางเอาไว้ เหตุใดจึงพาผู้ชายไปอย่างเดียวแต่ไม่พาพวกนางไปด้วย พวกนางคิดฟุ้งซ่านไปหมด ตกใจจนหน้าเสียกันหมด
ฉินเหยียนดึงองค์ชายใหญ่ลุกขึ้นแล้วโอบไหล่เขาพร้อมพูดว่า “ไปกันเถอะพี่ใหญ่ ครั้งนี้พี่สร้างวีรกรรมไว้เลยนะ คงเหนื่อยแย่เลย เราสองพี่น้องไปดื่มกันสักหน่อยดีกว่า เมื่อครู่พี่อ้วกไปตั้งนาน ต้องทานอะไรหน่อยแล้ว”
“ไป ไปจัดอาหารและเหล้าดีๆมา เต้าฮวยเอย เลือดเป็ดเอย แล้วก็ไม่ต้องยกขาไก่ขึ้นมาละ อย่าทำให้พี่ใหญ่ของข้าต้องรำคาญใจ!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าทหารหัวกะทิรีบยกโต๊ะมา จากนั้นก็จัดวางอาหารและเหล่าดีๆ
ใบหน้ายิ้มแย้มขององค์ชายใหญ่ฉินชงน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก เขาถือแขนขาดแล้วพยักตอบสนองช้า
“ใช่ๆ เอาตามที่น้องสิบสี่จัดแจงเลย”
ฉินเหยียนกวาดตามองไปยังแขนขาดที่องค์ชายใหญ่อุ้มเอาไว้ เขากลั้นขำแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ช่างชื่นชอบศึกษาค้นคว้าจริงๆเลยนะ แขนข้างนี้คงได้ข้อสรุปที่เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
องค์ชายใหญ่กลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “ขะ เข้าใจแล้ว ได้ข้อสรุปที่เข้าใจแล้ว”
ฉินเหยียนหัวเราะหึๆแล้วพูดว่า “สมแล้วที่เป็นพี่ใหญ่ เก็บของสิ่งนี้ไว้ด้วยล่ะ พรุ่งนี้เช้าเอาให้ท่านพ่อแล้วพี่อธิบายซะนะ ถือเป็นคุณงามความดีของพี่ ข้าผู้เป็นน้องขอดื่มอวยพรพี่สักแก้ว เชียส!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...