องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 811

เมื่อหวังฟู่กุ้ยรู้ความจริงก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง หากเขาหนีไปตามทางลับก็จะกลายเป็นคนขายชาติ ลูกหลานก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่หากเขาไม่ไป ทางพระราชสำนักก็จะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน หากโชคดีถูกลงโทษเบาๆก็คงยึดทรัพย์ แต่หากลงโทษหนักก็จะถูกประหารทั้งโคตร

เมื่อครุ่นคิดแล้ว หวังฟู่กุ้ยไม่อยากจะแบกรับคำว่าทรยศอาณาจักร เขากลับไปที่บ้านแล้วฝากฝังเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็แขวนคอตาย

หลังจากที่หวังฟู่กุ้ยตายไปไม่นาน ตลาดเข็มกลัดก็ได้เกิดการเทขายอย่างหนัก ราคาของเข็มกลัดได้ตกลงมาถึง 50% ในชั่วข้ามคืน เหล่าตระกูลขุนนางมากมายสูญเสียทรัพย์สินมากมายอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้เป็นเข็มกลัดทองที่ล้ำค่า ก็ยากที่จะขายได้ราคาสูง

เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเทขาย เหล่าตระกูลขุนนางเองก็ปรับตัวตามไปด้วย เมื่อราคาเข็มกลัดลดลงอย่างรุนแรงก็ไม่อาจฟื้นตัวกลับมาได้แล้ว

......

เมื่อฉินเหยียนเล่าเรื่องเล่าจบแล้วทุกคนก็ครุ่นคิดอย่างเงียบสงบ จากเรื่องเล่านี้ ทุกคนจึงได้ตระหนักถึงแก่นแท้ที่ทำให้อาณาจักรจ้าวล่มสลายได้ ว่ามันเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของฐานันดร

หลิวเชียนเชียนเองก็ตระหนักทันที นางพูดว่า “นายท่านเจ้าคะ เรื่องเล่าของท่าน ตัวตนจริงของหวังฟู่กุ้ยแซ่ซูหรือเปล่า”

ฉินเหยียนหวนนึกถึงซูปั้นเฉิง ดวงตาของเขาปรากฏความเหงาขึ้นมาชั่วครู่ จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า

“ใช่แล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวหรูซือเองก็เข้าใจทันที มิน่าตอนที่ฟังไปครึ่งเรื่อง นางจึงรู้สึกว่ามันเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน หวังฟู่กุ้ยในเรื่อง ก็คือซูปั้นเฉิงในความเป็นจริง สถานการณ์และโชคชะตาเหมือนกันทุกประการ

ตอนนั้นอาณาจักรจ้าวท้องพระคลังขาดแคลน เพื่อที่จะรับมือกับวิกฤตทั้งนอกอาณาจักรและในอาณาจักร จ้าวฉี่หมิงได้ติดต่อกับผู้ค้าขายผู้ร่ำรวยในระดับกลาง

เขาได้ใช้นามของพระราชสำนักตั้งข้อหาตามอำเภอใจให้แก่พวกเขา โดยยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเหล่าผู้ค้าขายที่ร่ำรวย เมื่อนำมาเติมคลังสมบัติของอาณาจักร

แม้ว่าภาษีของซูปั้นเฉิงเพียงคนเดียวจะถึงยอดรวมภาษีของทั้งอาณาจักรจ้าว รวมถึงเงินทองที่ได้มาทุกปีไม่ต่ำกว่าสองหมื่นตำลึงทอง ก็ยังคงหนีไม่พ้นชะตากรรม

จ้าวจือหย่าที่ไม่พูดอะไรมาตลอด ได้พูดความนัยในเรื่องเล่าออกมาว่า

“ดังนั้น เมืองเซี่ยงไฮ้คืออาวุธที่เจ้าจะล่มสลายอาณาจักรหลู่รึ”

นางกล่าวออกมาอย่างเต็มคำ นั่นทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก

ส่วนฉินเหยียนก็พูดอย่างสบายใจว่า “ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ที่สุดท้ายอาณาจักรหลู่จะต้องล่มสลาย นั่นเพราะไม่อาจตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน หากล้าหลังก็ต้องถูกโจมตี อารยธรรมของมนุษย์จะต้องก้าวหน้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”

หลังจากก่อสร้างมาหลายวัน ก็เริ่มเห็นผลลัพธ์เริ่มต้นแล้ว ศาลาที่ชำรุดทรุดโทรมในใจกลางเมืองหัวถิง บัดนี้ได้กลายเป็นจวนเจ้าเมืองแทนแล้ว

ในตอนแรกจะสร้างวิสาหกิจ ร้านขายของวรรณกรรม ร้านขายของทำนา ร้านขายอุปกรณ์ ร้านขายเหล้า ร้านขายงานฝีมือ ร้านขายผ้า และร้านขายเกลือรวมแปดแห่ง เพื่ออำนวยความต้องการการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานของชาวเมือง และก็เป็นการก่อสร้างพื้นฐานของเมืองทั่วไปด้วย

นอกจากนี้การวางแผนบ้านและการถมที่ดินยังดำเนินไปอย่างเต็มกำลัง ระบบชนชั้นสูงแบบอิงคะแนนที่ถูกนำมาใช้ในขณะนี้ ทำให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็ฮึกเหิมกันอย่างมาก ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันลงแรงเพื่อสร้างเมือง

หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิงเองก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่เดิม คอยคุ้มครองฉินเหยียนอยู่ข้างกายไม่ห่าง

เฉิงเซินได้พาเถาซงจือไปเริ่มนับจำนวนของเครื่องแก้ว เพื่อเตรียมจะทำไปขายที่อาณาจักรอู๋

สิบสองปิ่นหิรัญย์คอยจับตาดูการทำงานของเหล่าหญิงสาวเข้มงวดขึ้นเพราะเรื่องเล่าของอ๋องเหยียน นอกจากการเย็บซ่อมผ้า ซักผ้า ทำอาหารทุกวันแล้ว ยังต้องคอยฝึกฝนงานเย็บปักถักร้อย เพื่อเย็บเสื้อผ้างานงดงามประณีต

หลิวหรูซือมองเหล่าหญิงสาวที่ยุ่งวุ่นวายแล้วก็นึกถึงเรื่องเล่าที่อ๋องเหยียนเล่า นางมีความคิดที่กล้าหาญขึ้นมา จากนั้นก็ได้รีบมาอาสาตัวที่เบื้องหน้าของอ๋องเหยียน

“นายท่านเพคะ บัดนี้จำนวนของผู้หญิงในเมืองเซี่ยงไฮ้มีมากกว่าผู้ชายมาก ในเมื่อจะเปลี่ยนแปลงกระแสความนิยมของอาณาจักรหลู่อย่างสิ้นเชิง บัดนี้ก็เป็นโอกาสที่ดียิ่งเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์