หลังจากเงียบไปสักพัก ฮ่องเต้หลู่พูดด้วยความโล่งใจ
“ในเมื่อเขาเต็มใจที่จะทำแทนทุกอาณาจักร เช่นนั้นพวกเราจะรอรับสมบัติที่ล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้ รีบไปแจ้งศาลาว่าการว่า คนในยุทธภพที่ขอเข้ามาทำงานในอาณาจักรจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง อาณาจักรหลู่มอบตำแหน่งสูงกว่าที่ชาวอาณาจักรฉินมอบให้”
มีเสียงคัดค้านดังขึ้นในท้องพระโรง
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ อาณาจักรหลู่เป็นอาณาจักรแห่งวรรณกรรม หากสถานะของทหารถูกยกระดับให้สูงขึ้น กระหม่อมเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาณาจักรหลู่ และเป็นอันตรายต่อรูปแบบปกครองได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หลู่คิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“เรื่องนี้เราไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน แต่ต้องพูดว่าในช่างหลายปีที่ผ่านมา อาณาจักรฉินมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด พวกเรานั้นมีความมุ่งมั่นและยึดถือกฎเกณฑ์มาโดยตลอด ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ข้ากังวลว่าหากช้าเกินไป เราจะถูกอาณาจักรฉินครอบงำเอาได้”
“แต่หากอาณาจักรฉินเปลี่ยนแปลง อาณาจักรอื่นไม่ยอมเปลี่ยนแปลง พวกเรารีบใช้เวลานี้เปลี่ยนแปลงเสียก่อน ท้ายที่สุดจะเหลือแต่อาณาจักรฉินและอาณาจักรหลู่ เสือสองตัวเท่านั้นที่แข่งขันกัน”
ทุกคนคิดถึงเรื่องนี้ และรู้สึกว่าสิ่งที่ฮ่องเต้หลู่พูดนั้นก็มีเหตุผล
ในทุกวันนี้ ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยมีมากขึ้นในเจ็ดอาณาจักร อาณาจักรฉินนำหน้าไปไกล แต่อาณาจักรหลู่ยังคงล้าหลังในด้านเศรษฐกิจ ด้านการทหาร และความแข็งแกร่งในชาติ
อาณาจักรหลู่ยังตามหลังอาณาจักรอื่นอยู่มาก ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันของแต่ละอาณาจักรแตกต่างกันไป
สุดท้ายแล้ว เมื่อฮ่องเต้หลู่พูดเช่นนี้ ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งฮ่องเต้
ราชสำนักทั้งหมดในอาณาจักรหลู่เริ่มทำหน้าที่ของตนเอง ประกาศรับสมัครคนมีความสามารถในยุทธภพเข้าร่วมงานในราชสำนัก
ตราบใดที่ถูกคัดเลือก จะได้รับมอบหมายงานที่เหมาะสมตรงกับความสามารถ
นอกจากอาณาจักรฉินและอาณาจักรหลู่แล้ว อาณาจักรจ้าวเองก็เช่นกัน พวกเขาเริ่มปรับเปลี่ยนและพัฒนาไปพร้อมกัน ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนในยุทธภพ
ต่อมาคืออาณาจักรเยว่ เพราะเป็นอาณาจักรแห่งการค้า มีอำนาจทางการค้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากอะไร ดังนั้นคนในยุทธภพที่เข้ามาทำงานในอาณาจักรเยว่ จะได้ทำงานค้าขาย น้อยคนนักที่จะได้ทำงานในราชสำนัก
แต่อาณาจักรสู่และอาณาจักรอู๋ไม่ยอมรับคนในยุทธภพ เมินเฉยความเจริญรุ่งเรืองนี้โดยสิ้นเชิง
แม้ว่าคนในยุทธภพอยากเข้าทำงาน แต่ราชสำนักใช้วิธีการต่างๆ ปฏิเสธพวกเขา ส่งผลให้ในใจคนในยุทธภพต่างอยากได้อยากมีและมีใจมุ่งร้าย
สุดท้ายแล้ว หากอาณาจักรไม่นำคนเหล่านี้มาใช้งาน เช่นนั้นพวกเขาจะย้ายไปยังอาณาจักรอื่น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดกระแสความคิดใหม่ๆ ในที่สุดนำไปสู่การหลั่งไหลของพรสวรรค์จำนวนมากเข้ามา ส่วนอาณาจักรสู่และอาณาจักรอู๋นั้นต้องตกต่ำลงอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอาณาจักรอู๋ กระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะความนิยมของเมืองชายแดนอย่างหัวถิง อีกทั้งยังมีการพูดผ่านปากต่อปากอย่างไม่จำกัด
คนในยุทธภพไม่อาจอยู่รอดในอาณาจักรอู๋ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไปยังเมืองหัวถิงเพื่อหางาน
หลังจากที่สำนักถังในอาณาจักรสู่กลับมา เขาต้องการร่วมมือกับราชสำนัก แต่ทางราชสำนักไม่สนใจ ทำให้สำนักถังหดหู่ใจยิ่งนัก แม้ว่าจะผ่านการเจรจาหลายต่อหลายครั้ง สำนักถังถูกคนดูถูก ทำให้คนในยุทธภพที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรสู่โกรธมาก จนเกือบจะรวบตัวกันเพื่อก่อกบฏ
...
ภูเขาไท่ซาน
หลิวเชียนเชียนกำลังอ่านรายงานสถานการณ์ล่าสุดในยุทธภพ
“มีข่าวจากวงในรายงานมาว่า คนในยุทธภพจำนวนมากรวมตัวกันมุ่งหน้าไปทางฝั่งเหนือ จากนั้นย้ายไปรวมตัวกันที่หัวถิง ฝั่งหัวถิงถามท่านอ๋องว่า จะให้รับคนในยุทธภพเหล่านี้หรือไม่เจ้าค่ะ?”
ฉินเหยียนที่กำลังเก็บของ พูดอย่างเร่งรีบ
“รับทุกคนเอาไว้ บอกพวกเขาว่า มากี่คนรับให้หมด อีกอย่างให้ที่ดินในหัวถิงแก่พวกเขาส่วนหนึ่ง ให้พวกเขาก่อตั้งสำนักของตนเอง”
หลิวเชียนเชียนไม่เข้าใจเหตุผล จึงถามด้วยความประหลาดใจ
หลิวเชียนเชียนถอนหายใจ ไม่ว่านางติดตามอ๋องเหยียนมานานแค่ไหน ได้เห็นวิธีการของเขามามากเท่าไร แต่นางก็ไม่อาจเข้าใจความคิดของอ๋องเหยียนได้
แม้ว่าในตอนนั้น นายพลซือเหล่ยและหลายสิ่งหลายอย่าง นางเป็นคนลงมือจัดการ นางคิดว่านางเข้าใจหมดแล้ว แต่ความจริงแล้วนางไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด
เมื่อมองดูตอนนี้ ไม่มีทางล่วงรู้ความคิดของอ๋องเหยียนได้
อาจกล่าวได้ว่ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากพอ เมฆกับโคลนนั้นแตกต่างกันมาก คนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งไม่ได้เลย
ฉินเหยียนเก็บกระเป๋าเดินทางของตน สะพายไหล่แล้วพูดว่า
“ข้าจะออกไปข้างนอกสักสองสามวัน เจ้าทำหน้าที่แทนข้าคอยกระจายคำสั่งออกไปด้วย”
“เจ้าค่ะ อ๋องเหยียนวางใจได้ ข้าจะดูแลทุกอย่างให้ท่านอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหนก็ตามเจ้าค่ะ”
ฉินเหยียนที่กำลังเดินออกไปหยุดกะทันหัน
“ทำไมเจ้ายังเรียกข้าว่าอ๋องเหยียนอยู่อีก เราแต่งงานกันแล้วมิใช่หรือ เจ้าต้องเรียกข้าว่าสามีมิใช่หรือ?”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เอื้อมมือไปเชยคางนางเป็นการหยอกล้อ
หลิวเชียนเชียนหน้าแดง นางยังไม่คุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยนี้
“สามี เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ”
“ไป เดินไปส่งข้ากัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...