องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 890

การส่งผลกระทบของวัฒนธรรม ส่งผลกระทบต่อคนไม่จำกัด

เมื่อนักวิชาการเหล่านี้กลับมายังอาณาจักรหลู่ พวกเขาเริ่มอธิบายเรื่องการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ของอาณาจักรฉินในอาณาจักรหลู่ ไม่ว่าจะเป็นตามถนนตรอกซอกซอย จะได้ยินพวกเขาพูดคุยถึงเรื่องการพัฒนาในอาณาจักรฉิน

“เจ้าเคยได้ยินมาแล้วใช่หรือไม่ ว่ามีลิฟต์ขนาดใหญ่ในห้างอาณาจักรฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าลิฟต์คือสิ่งใด ก็คือไม่ต้องขึ้นบันได แค่ขึ้นลิฟต์ก็สามารถขึ้นไปได้หลายชั้นแล้ว!”

“ข้ายังได้ยินมาอีกว่า ในช่วงฤดูหนาวอาณาจักรฉินยังมีผักสดให้ทาน ไม่เพียงแต่ผักสดเท่านั้น แต่ยังมีแตงโม องุ่น มันฝรั่ง และผลไม้มีชื่อเสียงอื่นๆ อีกมากมาย!”

“ที่เจ้าพูดถือว่าเป็นเรื่องเด็กง่ายๆ ไปเลย รู้หรือไม่ว่าวิทยาศาสตร์คืออะไร รู้หรือไม่ว่าพวกเราอาศัยอยู่บนสิ่งใด รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเรือถึงลอยน้ำ?”

“การพัฒนาในอาณาจักรฉิน นำหน้าอาณาจักรหลู่ของเราไปไม่รู้ตั้งกี่เท่าแล้ว!”

ท้ายที่สุดแล้ว การโฆษณาชวนเชื่อของนักวิชาการในอาณาจักรหลู่ที่กลับมาจากอาณาจักรฉิน ส่งผลกระทบต่อชาวอาณาจักรหลู่เป็นอย่างมาก

พวกเขารู้สึกว่าอาณาจักรหลู่เมื่อเทียบกับอาณาจักรฉินแล้ว เป็นเหมือนสังคมโบราณที่ไร้อารยธรรม พวกเขาเป็นผู้รู้หนังสือที่เหมือนกบอยู่ก้นบ่อไม่มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นมีประโยคหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงในหมู่ประชาชนจำนวนมาก

หากชีวิตนี้ไม่เคยเดินทางไปยังอาณาจักรฉิน อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นนักวิชาการอีกเลย!

เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้นักวิชาการที่มั่นใจในตัวเองต้องการไปยังอาณาจักรฉินเพื่อพิสูจน์ว่าดีอย่างที่พูดถึงกันจริงหรือไม่

ผู้รู้หนังสือในอาณาจักรหลู่มีความคิดนี้ หลิวเชียนเชียนรีบคว้าโอกาสนี้แพร่ข่าวทันที

ผู้รู้หนังสือคนใดก็ตามที่ต้องการศึกษาในอาณาจักรฉินจะได้รับเงินตอบแทนจากหัวถิง หากมาในนามของเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถเข้ามาศึกษาดูงานในอาณาจักรฉินโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไป นักวิชาการหลายหมื่นคนจากอาณาจักรหลู่รีบไปลงทะเบียน ส่งผลให้คนที่มีพรสวรรค์ในอาณาจักรหลู่น้อยลง ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรฉิน

เป็นเหมือนการเตะหมูเข้าปากหมา เสียไปอย่างไม่มีวันกลับ

ระหว่างทางไปอาณาจักรฉิน ผู้รู้หนังสือหลายคนยังยึดมั่นในตนเอง

พวกเขาเชื่อว่าอาณาจักรหลู่เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมมานานหลายศตวรรษ ในขณะที่อาณาจักรฉินเพิ่งจะได้รับการพัฒนาขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นมรดกด้านวัฒนธรรม การฝึกอบรม อาณาจักรฉินที่มาทีหลังจะสู้อาณาจักรหลู่ได้อย่างไร

คงเป็นพวกสุนัขรับใช้อาณาจักรฉิน ที่คอยพูดเรื่องไร้สาระว่าอาณาจักรฉินพัฒนาไปไกลกว่าน่ะสิ

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกขามายังอาณาจักรฉิน พวกเขาถูกความจริงตบหน้าอย่างแรง

อาณาจักรฉินพัฒนาไปไกลกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก

เมื่อพวกเขามาถึงเซียนตูครั้งแรก เห็นถนนสะอาด กว้างขวาง พร้อมไฟประดับประดาข้างถนนทั้งสองฝั่ง และประชาชนต่างขับรถสี่ล้อสัญจรไปมา

เมื่อพวกเขามาถึงโรงเรียน นักวิชาการอาณาจักรหลู่คิดว่ามาถึงสถานที่ที่ตนเองสามารถอวดความรู้ได้แล้ว แต่พวกเขากลับถูกเด็กนักเรียนทำให้อับอาย

โดยรวมแล้ว การเยี่ยมชมและการศึกษาดูงานในครั้งนี้ ทำให้มุมมองของชาวอาณาจักรหลู่เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ พวกเขายอมจำนนต่อการพัฒนาขั้นสูงของอาณาจักรฉิน

เพื่อที่ให้นักวิชาการเหล่านี้มีที่ปักหลักให้ดีขึ้น ฟางเจาจวินทำตามคำแนะนำ ได้จัดเตรียมสภาพแวดล้อมการเรียนแบบใหม่ และได้เปิดวิทยาลัยสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ

นโยบายนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วจิ่วโจว

ไม่เพียงแต่อาณาจักรหลู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาณาจักรจ้าว อาณาจักรเยว่ และอาณาจักรสู่ด้วย นักเรียนจำนวนมากล้วนพักในวิทยาลัยสำหรับชาวต่างชาติในอาณาจักรฉินเพื่อมาศึกษาเล่าเรียนและเยี่ยมชมองค์ความรู้

เมื่อเห็นว่ามีนักศึกษาจากต่างอาณาจักรมารวมตัวกันมากขึ้นในวิทยาลัยนักศึกษาต่างชาติ ฟางเจาจวินจึงเสนอให้สร้างเมืองใหม่ขึ้น เพื่อให้นักศึกษาต่างอาณาจักรทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ และตั้งชื่อเมืองว่าเมืองจิ่วโจว

แม้ว่าเมืองจิ่วโจวจะเป็นเมืองสร้างใหม่ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างเหมือนกับเมืองเซียนตู

เพื่อให้เมืองจิ่วโจวเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและดึงดูดชาวต่างอาณาจักรมากขึ้น ฟางเจาจวินได้จัดสัมมนาขึ้นสองครั้ง ครั้งแรกเกี่ยวกับด้านบุ๋น ครั้งที่สองเกี่ยวกับด้านบู๊

บุ๋นเป็นเวทีที่พูดถึงวิทยาศาสตร์และการพัฒนา ส่วนบู๊เป็นงานแข่งขันกีฬา

มีนักเรียนจำนวนมาก เพื่อเป็นการตรวจสอบผลการเรียนรู้ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา รีบลงทะเบียนอย่างมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์