องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 892

ผู้เข้าแข่งขันเข้าเส้นชัยไปทีละคน ผู้ชมที่ยู่รอบข้างต่างส่งเสียงให้กำลังใจอย่างตื่นเต้น

“ที่หนึ่งวิ่งเร็วมาก!”

“เป็นการแข่งขันที่ตื่นเต้นมากจริงๆ!”

“น่าเสียดาย ช้าไปนิดเดียว!”

นักวิ่งสามอันดับแรกที่เข้าเส้นชัยโบกมือใช้ผู้ชมอย่างตื่นเต้นเช่นกัน

หลังจากนั้น พนักงานได้เข้ามานำตัวนักกีฬาที่เข้าเส้นชัยสามอันดับแรกขึ้นบนเวที ยืนเรียงลำดับหนึ่ง สอง สาม

เหรียญรางวัลอันดับสามเป็นเหรียญทองแดง เหรียญรางวัลอันดับสองเป็นเหรียญเงิน เหรียญรางวัลอันดับหนึ่งเป็นเหรียญทอง

ฟางเจาจวินมมอบเหรียญรางวัลให้แก่ผู้ชนะทั้งสามอันดับด้วยตนเองพร้อมกับพูดแสดงความยินดี

“ดีใจกับพวกเจ้าด้วย!”

ทั้งสามอันดันหยิบเหรียญที่ห้อยรอบคอขึ้นมาแสดงให้ผู้ชมโดยรอบมองอย่างภูมิใจ

เสียงปรบมือจากผู้ชมดังก้องไปทั่ง และบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น

สีหน้าของผู้ชนะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขากัดเหรียญทองแล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า

“เป็นทองจริงๆ ด้วย!”

ฟางเจาจวินพูดด้วยรอยยิ้ม

“ต้องเป็นทองสิ นี่คือรางวัลสำหรับผู้ชนะ”

ทันทีที่ประโยคเหล่านี้หลุดออกมา ไม่เพียงแต่นักกีฬาเท่านั้น แต่ผู้ชมโดยรอบเองก็ตกใจ

“พระเจ้า อันดับหนึ่งได้เหรียญทองที่ทำจากทองจริงๆ!”

“คณบดีฟางใจกว้างเกินไปแล้ว!”

“ครั้งต่อไปเราต้องพยายามให้เต็มที่เพื่อให้ได้เหรียญทอง!”

ด้วยวิธีนี้ นักกีฬาทุกคนจึงเข้าร่วมแข่งขันกีฬากันอย่างเต็มที่ แข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งเหรียญทอง

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะล้มเหลวในการคว้าเหรียญทอง แต่ความเพลิดเพลินระหว่างการแข่งขันแสดงให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬา และผลักดันให้การแข่งขันกีฬาก้าวสู่อีกรดับ

ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความหวังและมีชีวิตชีวา นักเรียนที่มาจกทั่วทุกสารทิศในจิ่วโจวรู้สึกว่าตนได้รับการยอมรับเป็นครั้งแรก

ครั้งที่อยู่ในอาณาจักรของตน เขาเป็นเพียงหนึ่งในชีวิตจำนวนมาก ไม่ได้เห็นค่าตัวเองมากเท่าไรนัก

แต่เนื่องจากพวกเขามายังอาณาจักรฉิน พวกเขาได้มารวมตัวกับคนทุกอาณาจักรในเมืองจิ่วโจวเพื่อเรียนรู้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และร่วมแข่งขันกีฬา ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ใหม่ ราวกับว่านี่เป็นบ้านหลังที่สองของเขา

แต่การพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหันของเมืองจิ่วโจว ทำให้จิตใจของฮ่องเต้หลู่สั่นคลอนอีกครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าตอนนี้อาณาจักรฉินได้พัฒนาไปถึงจุดที่เจริญรุ่งเรือง แม้แต่ฉินเหยียนไม่จำเป็นต้องดูแล

หลังจากฮ่องเต้หลู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในใจพลันสับสน ในที่สุดจึงตัดสินใจเดินทางไปยังอาณาจักรฉินเพื่อค้นหาความจริงด้วยตัวเอง

หลังจากปลอมตัวเป็นสามัญชนแล้ว เขาพาหัวหน้าขันทีหลี่ไปกับเขาเพียงคนเดียว พวกเขานั่งเรือมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรฉินโดยใช้ชื่อปลอม

บนเรือที่โคลงเคลงไปมา ฮ่องเต้หลู่ยืนอยู่ที่หัวเรือ มองดูผิวน้ำที่ไหวเป็นระลอกไม่มีที่สิ้นสุด ทิวทัศน์สวยงาม ภูเขาเขียวทั้งสองข้างทาง แต่ในใจเขากลับหนักอึ้ง

เมื่อไม่นานมานี้ ซือหม่าจี๋ได้มอบหนังสือเดินทางของอาณาจักรฉินให้เขา เนื้อหาภายในช่วยให้เขาเปิดหูเปิดตา หากซือหม่าจี๋ไม่ได้เป็นขุนนาง เขาคงคิดว่าเนื้อหาการเดินทางไปยังอาณาจักรฉินคงเป็นเรื่องที่เขียนขึ้นเอง

แม้ว่าอาณาจักรฉินจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่คงไม่มีวันไปถึงระดับนั้น

ขณะที่เขากำลังคิดเรื่อง ขันทีหลี่เดินมาพร้อมเสื้อคลุม พูดขณะสวมเสื้อคลุมให้เขาว่า

“ฝ่าบาท อากาศเย็นและลมแรง จะเป็นหวัดเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้หลู่ยอมให้ขันทีหลู่สวมเสื้อคลุมให้เขา สายตายังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อน ในใจของเขาคาดเดาแต่เรื่องราวในอาณาจักรฉิน

ขันทีหลี่เตือนว่า

“ฝ่าบาท อีกไม่ถึงสิบลี้ เราจะเข้าสู่เขตอาณาจักรฉินแล้ว”

หลังจากถูกเตือน ฮ่องเต้หลู่พลันกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง ตอนนี้เขาต้องเดินทางไปยังอาณาจักรฉินเพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์