องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 893

หลังจากเดินทางมาไกล ในที่สุดก็มาถึงเมืองเซียนตูอาณาจักรฉิน

ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในเมืองเซียนตู เขาต้องตกตะลึงไปกับภาพคนจอแจตรงหน้า

อาคารสูงทะยานสู่ท้องฟ้า ไฟที่ส่องสว่างไปทั่วทุกพื้นที่ มีรถยนต์และรถขนของวิ่งผ่านไป ภาพเหล่านี้ทำให้มุมมองในชีวิตเขามีชีวิตชีวามากขึ้น!

การพัฒนาของเมืองเซียนตูนั้นไปไกลกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก ขนาดยืนอยู่ในกลางเมือง เขารู้สึกว่าตัวเองดูแปลกแยก

ฮ่องเต้หลู่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน เดิมทีเขาต้องการเห็นอาณาจักรด้วยตาของตัวเอง แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าข่าวลือทั้งหมดที่พูดถึงอาณาจักรฉินนั้นเป็นเรื่องจริง

ขนาดคำอธิบายในหนังสือยังน้อยกว่าสิ่งที่เขาด้วยตาเสียอีก!

ฮ่องเต้หลู่อึ้งมาก ปากสั่นและพูดพึมพำ

“ที่ ที่แท้ข่าวลือก็เป็นเรื่องจริง!”

ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนกบในกะลาครอบ อาณาจักรฉินพัฒนาไปไกลถึงขนาดนี้แล้ว แต่เขาที่เป็นฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหลู่กลับยังยึดติดกับกฎเกณฑ์แบบเก่าๆ ที่ทั้งล้าหลังและตามหลังอาณาจักรฉิน

หลังจากผ่านไปสักพัก ฮ่องเต้หลู่มีสติกลับมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหมายของประโยคนี้ เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า ไม่มีการเปรียบเทียบ ก็ไม่มีการทำร้ายกันจริงๆ

ขนาดประชาชนคนธรรมดายังมีชีวิตที่สะดวกสบายกว่าเขาที่เป็นประมุขของอาณาจักร

ความมั่นใจของฮ่องเต้หลู่หายไปในทันทีที่เขาเห็นความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเซียนตู

ฮ่องเต้หลู่เดินไปตามถนนของเมืองเซียนตูอย่างไร้จุดหมายโดยมีขันทีหลี่คอยประคอง

ถนนอันกว้างขวางคับคั่งไปด้วยผู้คนกลับทำให้ดูแคบไปทันตา

โคมไฟที่ประดับประดางดงามอยู่ริมถนนส่องประกายแวววาว

เสียงพูดคุยบนถนนทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นดังเยาะเย้ยเต็มสองรูหู

เมื่อเข้าเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เขาเห็นประชาชนจับจ่ายใช้สอย ขึ้นลิฟต์กันไม่หยุดหย่อน

แต่ในขณะเดียวกัน เป็นการพิสูจน์ว่าเขาล้มเหลวในฐานะฮ่องเต้

เสียงพ่อค้าหาบเร่บนถนนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แสงไฟก็สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ จิตใจของฮ่องเต้หลู่เริ่มสับสน เขารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน ร่างกายของเขาเริ่มโซเซ

ขันทีหลี่รีบเข้ามาประคองและถามด้วยความกังวล

“ฝ่าบาท ไม่เป็นไรใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ยินคำถามจากขันทีหลี่ ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาพลันพร่าเลือน ไม่อาจควบคุมร่างกายตนเองได้อีกต่อไป ตาปิดลงจากนั้นหมดสติ

...

เมื่อฮ่องเต้หลู่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็เห็นขันทีหลี่ป้อนยาให้เขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ขันทีหลี่กังวลเรื่องสุขภาพของฮ่องเต้หลู่ หากตอนที่อยู่ในอาณาจักรฉินเกิดภัยร้ายขึ้น เขาคงรับไม่ไหวเป็นแน่ จึงพยายามพูดโน้มน้าวว่า

“ฝ่าบาท พวกเราได้เห็นทุกอย่างที่ต้องการเห็นในอาณาจักรฉินแล้ว รอให้สุขภาพของฝ่าบาทแข็งแรงขึ้นกว่านี้แล้วเรากลับอาณาจักรหลู่กันดีหรือไม่ อาณาจักรยังรอฝ่าบาทกลับไปปกครองอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ”

ทันที่ที่ประโยคนี้หลุดออกมา ใจของฮ่องเต้หลู่ยิ่งหนักอึ้งมากขึ้น

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอาณาจักรไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีคนปกครอง แต่ตอนนี้ในราชสำนักเหลือเขาเพียงคนเดียว คนอื่นๆ ต่างหนีมายังหัวถิงรับใช้เจ้านายคนใหม่ เขาจะกลับไม่กลับมันจะมีประโยชน์อะไรกัน?

เขาหัวเราะกับตัวเองเบาๆ

“อาณาจักรหลู่ยังต้องการให้ข้าปกครองอีกหรือ? หัวถิงดีกว่าเมืองหลวง เราก็เป็นได้แค่ฮ่องเต้ในอาณาจักรที่ถูกยึดครอง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ขันทีหลี่ตกใจจนเข่าอ่อน เขาคุกเข่าลงและก้มคำนับ

“ฝ่าบาท อย่าทรงดูถูกตัวเอง ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ที่ฉลาด ทุกคนในอาณาจักรหลู่ต่างยอมรับนับถือพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้หลู่ไม่อยากพูดอะไรอีก แต่ต่อจากนี้ไปเขาตั้งใจจะเปิดใจให้มากขึ้น เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุใดอาณาจักรฉินถึงลุกขึ้นมามีอำนาจได้ในเพียงชั่วเวลาอันสั้น เขาตัดสินใจทันที

“รอให้ร่างกายเรากลับมาฟื้นตัวก่อน ข้าจะเดินทางไปยังเมืองจิ่วโจว ที่นั่นเป็นเมืองทีนักเรียนจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันเพื่อเรียนความรู้จากอาณาจักรฉินใช่หรือไม่?”

สามารถดึงนักเรียนจำนวนมากขนาดนั้นมาได้ อีกทั้งยังยอมสละสัญชาติตัวเองมาเป็นชาวอาณาจักรฉิน ข้าอยากเห็นด้วยตาตนเองว่าอาณาจักรฉินมีเสน่ห์อันใด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์