จวนอัครเสนาบดี
หลังจากที่ออกมาจากหอหม่านฮวาแล้ว โค้วจื่อหยวนก็ไปเดินเที่ยวซื้อของอยู่นานกว่าจะกลับจวนไป นางได้สั่งให้ห้องครัวจัดทำอาหารเป็นพิเศษ เพื่อที่คืนนี้จะได้ทำการเป่าหูอวี๋จื่อหมิงผู้เป็นสามี
จนกระทั่งถึงยามค่ำแล้ว อวี๋จื่อหมิงจึงจะกลับมายังจวน
โค้วจื่อหยวนรีบเดินไปต้อนรับแล้วถามอย่างอ่อนโยนว่า
“ท่านสามี เหตุใดคืนนี้จึงลับมาดึกดื่นนัก รีบนั่งพักก่อนเถิด”
นางช่วยอวี๋จื่อหมิงถอดเสื้อนอกไปด้วย แล้วนำผ้าขนหนูมาให้อวี่จื่อหมิงเช็ดมือด้วย
อวี๋จื่อหมิงเดินมานั่งยังที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม จากนั้นก็พูดว่า “ก็เพราะเรื่องที่พระราชสำนักไงเล่า”
โค้วจื่อหยวนไม่ได้ถามตรงๆ แต่นางเทเหล้าใส่จอกให้อวี่จื่อหมิง
“ข้าทำเหล้าที่เจ้าชอบดื่มด้วย ดื่มสักจอกให้อุ่นร่างกายก่อนสิ”
อวี๋จื่อหมิงรับเหล้าที่ภรรยาส่งให้แล้วดื่มจนหมด เหล้าทั้งเผ็ดและร้อนได้ไหลลงไปในกระเพาะ ทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย
“สบายจริงๆ!”
เมื่อเห็นภรรยาที่อ่อนโยนน่ารักคีบอาหารให้แล้ว เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที เขาถือตะเกียบแล้วพูดว่า
“น่าแปลกจริงๆ ไม่ว่าจะมีเรื่องกวนใจแค่ไหน ขอเพียงได้กลับมาเห็นเจ้า ข้าก็รู้สึกมีความสุขมาก”
โค้วจื่อหยวนยิ้มแล้วถามขึ้นว่า “ท่านสามีทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยในพระราชสำนักงั้นรึ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วอวี๋จื่อหมิงก็รู้สึกอุ่นใจ เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า
“เรื่องนี้ทาข้าไม่ได้จริงๆ หลังจากสงครามที่อาณาจักรเยี่ยนเอาชนะอาณาจักรหลู่ได้แล้ว แถมยังได้ผลประโยชน์มาด้วย จึงได้เริ่มทำการสมัครกองกำลัง และอยากจะโจมตีอาณาจักรหลู่”
“หลายวันมานี้ข้าคอยห้ามอยู่หลายครั้ง หวังว่าฝ่าบาทจะไม่รีบดำเนินการเกินไป หากเป็นกับดักขึ้นมาก็คงยากที่จะถอนตัว แต่สุดท้ายกลับถูกฝ่าบาทด่าทอเสียได้”
โค้วจื่อหยวนแสร้งทำเป็นใสซื่อแล้วพูดว่า “เหตุใดจึงต้องห้ามเล่า ข้าขอพูดเลยนะ ว่าหากฝ่าบาทให้โอกาสดีๆเช่นนี้กับข้า ข้าจะไม่พลาดมัน”
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋จื่อหมิงได้ยินภรรยาพูดอย่างเหิมเกริม เขารีบดึงมือของนางแล้วพูดเสียงเบาอย่างระมัดระวังว่า
“เรื่องเช่นนี้พูดมั่วไม่ได้ หากมีใครได้ยินเข้าต้องถูกประหารกันชั่วโคตรเชียวนะ!”
ทันใดนั้นโค้วจื่อหยวนก็พูดอย่างเป็นธรรมและว่าห้าวหาญว่า
“ที่จริงท่านเองก็รู้ว่าที่ฮ่องเต้อู๋มีทุกวันนี้ได้เพราะมีท่านคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ความรู้และความสามารถของท่านเหนือกว่าฮ่องเต้อู๋ทั้งนั้น ผู้ที่ไม่สนใจความเป็นอยู่ของชาวเมือง ไม่สนใจคำพูดอันชอบธรรมของเหล่าขุนนางผู้ภักดี เอาแต่คิดจะเป็นใหญ่ ฮ่องเต้เช่นนี้มีแต่จะทำให้อาณาจักรล่มสลาย!”
“ผู้ที่คำนึงถึงชาวเมือง สนใจในความสันติสุขต่างหาก จึงจะเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหนึ่งพึงมี!”
คำพูดของต่างเซียวหว่านดังกึกก้องในหูของอวี๋จื่อหมิงอยู่นาน เขาอยู่ในตำแหน่งขุนนางในพระราชสำนักมาหลายปี ฮ่องเต้อู๋ไม่ได้ประพฤติดีต่อเขาเช่นเมื่อก่อน ด้านหนึ่งเพราะเกรงกลัวความสามารถของเขา อีกด้านก็เพราะความเห็นของเขาตรงข้ามกับฮ่องเต้อู๋อยู่เสมอ
แต่ความเห็นทุกประการของอวี๋จื่อหมิงนั้นคำนึงถึงชาวเมืองอาณาจักรอู๋ทั้งนั้น แต่กลับถูกฮ่องเต้อู๋สกัดกั้นอย่างจงใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเขาเองก็คงไม่มีจุดจบที่ดีนักหรอก
คำพูดของภรรยาถือว่าได้ทำให้อวี๋จื่อหมิงได้สติขึ้นมา เขาคำนึงถึงชาวเมือง รักชาวเมืองเฉกเช่นลูกหลาน ไม่ว่าด้านไหนๆก็เหนือว่าฮ่องเต้อู๋ทั้งนั้น หากในช่วงหลายปีมานี้ไม่มีเขาคอยตามเช็ดตามล้างฮ่องเต้อู๋ แล้วอาณาจักรอู๋จะพัฒนาถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
เมื่อคิดถึงกัวฮวายแห่งอาณาจักรเยี่ยนแล้ว ผู้ที่เป็นเพียงจอมยุทธแต่สามารถได้ครองบัลลังก์ เขาเองก็เกิดมีความคิดที่อันยิ่งใหญ่ขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...