เมืองเยี่ยนจิง
หลังจากที่กั๋วฮวายกลับมาถึงได้ไม่นาน ฉินชงก็ตามมาล้อมเมืองหลวงทั้งหมดเอาไว้
ฉินชงยังส่งข่าวไปบอกกั๋วฮวายอีกว่า อย่าต่อต้าน หากยอมจำนนต่ออาณาจักรฉิน พวกเขาจะไว้ชีวิตเขาให้ อีกทั้งยังมอบเสบียงเพื่อช่วยเหลือประชาชน
หลังจากที่กั๋วฮวายได้ยินเช่นนั้น เขาตัวสั่นด้วยความโกรธ
เขามาจากการเป็นแม่ทัพใหญ่ปกครองทั้งอาณาจักร จากนั้นก้าวขึ้นครองบัลลังก์ ไปจนถึงส่งกองทหารไปโจมตีอาณาจักรหลู่ และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนมหาศาล
ตอนนี้อาณาจักรฉินกำลังจะสั่งให้เขายอมจำนน เขาที่ได้รับการปฏิบัติอย่างดูถูกเช่นนี้ จึงตบโต๊ะด้วยความโมโหว่า
“อยากให้เรายอมจำนนอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง!”
“อย่างร้ายแรงที่สุด ต้องสู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง! แม้จะเหลือทหารเพียงคนเดียว พวกเขาต้องสู้เพื่อเรา ไม่มีวันยอมจำนนเด็ดขาด!”
บรรดาขุนนางต่างรู้สึกหวาดกลัว มองหน้ากันด้วยความสับสน
กองทัพอาณาจักรฉินปิดล้อมเมืองหลายวันแล้ว ศึกสงครามอาณาจักรเยี่ยนที่บุกโจมตีหลายครั้งไม่อาจทำอะไรกองทัพอาณาจักรฉินได้ ทุกคนต่างพากันหวาดกลัวเสียงคำรามคล้ายมังกรนั้น
ขณะนี้จำนวนทหารและพลเรือนในเมืองหลวงมีเพียงสองแสนคน หากต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรฉินที่ทรงอำนาจเช่นนี้ อาณาจักรเยี่ยนจะต้านทานได้อย่างไร
นอกจากนี้ ห้าอาณาจักรจากทั้งเจ็ดอาณาจักรในจิ่วโจวได้ควบรวมเข้ากับอาณาจักรฉินแล้ว มีเพียงอาณาจักรเยี่ยนที่ยังคงต่อต้าน แต่ความจริงแล้วการต่อต้านเช่นนี้กลับไร้ประโยชน์ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องผนวกเข้ากับอาณาจักรฉินอยู่ดี
ขุนนางรวบรวมความกล้าก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า
“ฝ่าบาทมีอาหารเหลืออยู่ในคลังไม่มากแล้วพ่ะย่ะค่ะ ประชาชนในเมืองแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มาถึงทางตันแล้ว พวกเราเจรจากับอาณาจักรฉินไม่ดีกว่าหรือ!”
กั๋วฮวายโกรธมาก เมื่อเขาได้ยินขุนนางพูดว่าให้เจรจากับอาณาจักรฉิน เขายิ่งโกรธขึ้นไปอีก
“เจ้ากำลังเกลี้ยกล่อมให้เรายอมแพ้อย่างนั้นหรือ?”
ขุนนางคนนั้นตัวสั่นและรีบคุกเข่าลง
“ฝ่าบาททรงโปรดพิจารณาอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ! สถานการณ์ในอาณาจักรเยี่ยนจบสิ้นแล้ว ควรล่าถอยและยอมจำนนต่ออาณาจักรฉินเสียดีกว่า อย่างน้อยๆ ก็ยอมรักษาอาณาจักรเป็นรัฐบรรณาการเอาไว้ได้...”
“บังอาจ!”
กั๋วฮวายตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน พร้อมกับพุ่งตัวออกไปในทันที
“เจ้าบังอาจมาก กล้าพูดแทนอาณาจักรฉิน ทหาร จับมันไปประหาร!”
ขุนนางยังคงคุกเข่าขอความเมตตา
“ฝ่าบาทได้โปรดทรงเมตตาด้วย กระหม่อมเพียงแค่คิดถึงอาณาจักรเยี่ยนและพระองค์ก็เท่านั้น!”
ราชองครักษ์ก้าวไปข้างหน้าหิ้วปีกขุนนางคนนั้นขึ้นมาทันทีแล้วพาตัวเขาออกไป
ขุนนางพยายามดิ้นรนและตะโกนออกไปว่า
“ฝ่าบาท กระหม่อมยอมตาย แต่อาณาจักรเยี่ยนไม่มีกำลังอีกต่อไปแล้ว ขอให้ท่านทรงปลดปล่อยประชาชนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ปล่อยให้ประชาชนได้มีชีวิต...”
แต่ดินนั้นย่อยยากมาก มีคนจำนวนไม่น้อยถึงกลับหายใจไม่ออก จากนั้นก็ตายไป
ตามถนน มีผู้ลี้ภัยที่หิวโหยจำนวนมาก สามารถพบเห็นได้ทุกที่ โดนนอนบนถนนพร้อมกับท้องอันบวมเป่ง
คนเหล่านี้กินดินเข้าไปและไม่ย่อย พวกเขาลูบท้องเพื่อช่วยย่อยอาหาร แต่กลับไม่มีประโยชน์
เสียงแห่งความเจ็บปวดเริ่มดังขึ้นมา
“พระเจ้าไม่เห็นแก่พวกเราบ้างหรือ ปล่อยให้เราต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้หรือ ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว”
“ข้าได้ยินมาว่า เมืองอื่นๆ ที่ยอมจำนน อาณาจักรฉินไม่จับพวกเขาเป็นเชลย อีกทั้งยังเปิดยุ้งฉางเพื่อตุนอาหารเอาไว้ด้วย พวกเขาได้กินอาหารที่แสนอร่อย!”
“ข้าได้ยินว่าข้าแค่พวกเรายอมจำนน ชาวอาณาจักรฉินจะยอมรักษาและให้อาหาร นี่คือประโยชน์พื้นฐานที่เราได้รับ อีกทั้งยังแบ่งพื้นที่ให้สร้างบ้านอีกด้วย!”
“เยี่ยนจิงของเรากลับเป็นนรก เมืองอื่นๆ กลับเป็นสวรรค์ หากพวกเรายังต้องทนหิวอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าคงต้องกินเนื้อคนแทนแล้ว!”
“พูดให้มันน้อยๆ เถิด ยิ่งพูดยิ่งหิว”
เมื่อคนต่างพากันบ่น กองทัพอาณาจักรฉินที่อยู่นอกเมืองพากันมาส่งเสบียงไว้ให้ที่นอกเมือง
ฉินชงตะโกนเสียงดัง
“ทุกคนในเมืองฟังให้ดี อาหารอยู่ที่นี่แล้ว ขอแค่พวกเจ้ายอมจำนน เข้ารวมกับอาณาจักรฉิน เจ้าจะไม่หิวอีกต่อไป!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...