บนกำแพงเมือง
กัวฮวายสวมชุดเกราะแล้วถือดาบเอาไว้ เขาพยายามอดกลั้นความหวาดผวา แล้วมองต่ำลงไปยังนอกกำแพงเมือง ขณะเดียวกัน ฉินเหยียนสวมชุดขาวถือไม้เท้าไม้ไผ่เอาไว้ แล้วเชิดหน้าเดินไปยังกำแพง
กัวฮวายตั้งใจมองแล้วถึงกับตะลึง นั่นคือฉินเหยียนจริงๆ!
ต่อให้ก่อนจะขึ้นมายังกำแพงเมืองกัวฮวายจะเตรียมใจเอาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อเห็นความน่าเกรงขามของฉินเหยียน ที่ราวกับผู้ศักดิ์สิทธิ์ลงมาจุติแล้ว ก็ยิ่งทำให้เขาขนลุก
“ฉินเหยียน เจ้ากล้าเดินมาคนเดียวงั้นรึ รนหาที่ตาย!”
กัวฮวายพูดขึ้นเพื่อแสดงความน่าเกรงขามก่อน การตะโกนครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างความกล้าหาญให้ตนเองมากขึ้น
ฉินเหยียนไม่ได้ตอบกลับ เขาเดินไปยืนตรงประตูกำแพงเมืองแล้วกระแทกไม้เท้าลงพื้นเสียงดัง เขาเงยหน้ายืนตรงแล้วจ้องกัวฮวายที่อยู่บนกำแพงเมืองด้วยสายตาที่เฉียบคม
กัวฮวายรู้สึกขนลุกต่อสายตาของฉินเหยียน ราวกับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นจู่โจมเขามา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย เขาทำอะไรไม่ถูกและตะโกนอย่างเดือดดาลว่า
“นักธนู! รีบยิงธนูสังหารเขาซะ!”
เหล่านักธนูที่อยู่บนกำแพงเมืองเองก็หวาดผวาต่อความน่าเกรงขามอันยิ่งใหญ่ของฉินเหยียนจนเหงื่อตก เมื่อได้ยินคำสั่งของกัวฮวายแล้วก็ถือธนูขึ้นด้วยความสั่นเทา แล้วเล็งไปยังฉินเหยียนแล้วยิง
ลูกธนูราวกับฝนห่าลงมาทางฉินเหยียน แต่เขากลับไม่หลบเลย สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ลูกธนูทุกดอกยิงลงพื้นที่อยู่ด้านหน้าของฉินเหยียนหมด แต่ไม่อาจทำร้ายเขาได้เลยแม้แต่น้อย
“ปะ เป็นไปได้อย่างไร?”
กัวฮวายตะลึงจนหน้าซีด และถึงขั้นสงสัยว่า หรือว่าฉินเหยียนจะมีพลังเทพเจ้าคุ้มครองจริงๆ อาวุธทุกประเภทไม่อาจทำร้ายเขาได้?
ฉินเหยียนยิ้มประชด แต่จริงๆแล้วเขาสะใจสุดๆ เขาได้คำนวณระยะทางเอาไว้แล้ว ด้วยระยะยิงของธนูไม่มีทางยิงโดนเขา การแต่งตัวเช่นนี้ได้เพิ่มความลึกลับให้เขาไม่น้อยอยู่แล้ว คราวนี้เขาก็ได้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจดูหมิ่นได้ในสายตาของทุกคนแล้ว
เขาแสร้งทำได้พอควรแล้ว เมื่อเห็นว่ากัวฮวายกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ฉินเหยียนจึงได้พูดอย่างน่าเกรงขามว่า
“กัวฮวาย ไม่พบกันเสียนานนะ!”
เมื่อกัวฮวายได้ยินว่าฉินเหยียนเรียกชื่อของเขาตรงๆ สีหน้าก็ไม่พอใจ เขากัดฟันแล้วพูดว่า
“เจ้าบังอาจขานนามของข้าตรงๆ ช่างบังอาจยิ่งนัก!”
“อย่าได้ผลักหน้าที่ของตนให้แก่ผู้อื่น! เหล่าชาวเมืองและทหารอาณาจักรเยี่ยนเอ๋ย อาณาจักรฉินและอาณาจักรเยี่ยนไม่จำเป็นต้องทำสงครามกัน ทุกชีวิตล้วนควรจะเพลิดเพลินไปกับความสันติสุข”
“กองทัพอาณาจักรฉินได้บุกเข้ามาแล้ว เพียงแค่รายล้อมไม่โจมตี ก็เพราะไม่คิดทำร้ายชาวเมืองบริสุทธิ์ บัดนี้เมืองอื่นได้ยอมจำนนอาณาจักรฉินแล้ว เหลือเพียงเยี่ยนจิงเมืองเดียวที่ยังไม่ยอมจำนน สถานการณ์เช่นนี้ได้กำหนดความพ่ายแพ้เอาไว้แล้ว เหตุใดจึงยังต้องทำการต่อต้านที่ไร้ประโยชน์ด้วย?”
ชาวเมืองในเยี่ยนจิงมองสถานการณ์ออกอย่างชัดเจนนานแล้ว แต่จะไปพึ่งพิงอาณาจักรฉินได้อย่างไรในเมื่อกัวฮวายเข่นฆ่าเช่นนี้
เหล่าทหารบนกำแพงเมืองเองก็ลังเล เฝ้าเมืองมานาน ทั้งที่อาณาจักรฉินมีกำลังพอที่จะกวาดล้างเยี่ยนจิงก็กลับแค่ล้อมเอาไว้ไม่โจมตี แถมยังให้เสบียงช่วยเหลืออีก
กลับกันกับอาณาจักรเยี่ยน พระราชสำนักไม่แยแสว่าชาวเมืองจะเป็นหรือตาย และไม่ส่งเสบียงให้ ถึงขั้นออกคำสั่งให้สังหารชาวเมืองที่ยอมแพ้ด้วย ชาวเมืองที่ถูกแขวนอยู่บนกำแพงเมืองนั้น หากไม่หิวตายก็ตายด้วยน้ำมือของฝ่ายเดียวกัน เรื่องราวเหล่านี้ทำให้เหล่าทหารลังเลขึ้นมาบ้างแล้ว
ฉินเหยียนกางแขนออกแล้วพูดเชื้อเชิญอย่างจริงใจว่า
“ข้าคืออ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน ข้าขอรับปากที่นี่ หากตอนนี้พวกเจ้ายอมแพ้ ข้าจะรับรองชีวิตของชาวเมืองอาณาจักรเยี่ยนทุกคน สามารถสัมผัสกับการปฏิบัติที่ชาวเมืองอาณาจักรฉินได้รับ เหล่าทหารอาณาจักรเยี่ยนทุกนาย ข้าสามารถแต่งตั้งให้พวกเจ้าเป็นป่ายหู้โหว และเชียนหู้โหวได้!”
“ขอเพียงเป็นคนที่ติดตามข้า ช่วยรวมเก้าแคว้นเป็นหนึ่งเดียว สร้างความเป็นใหญ่ มีใครยินดีจะติดตามข้าบ้าง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...