“เจ้าพวกพ่อค้ากลุ่มนั้น ข้าไว้หน้าแล้วแต่กับไม่สนใจ คิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรพวกเขาหรือ?”
“พี่เจ็ดใจเย็นก่อน”
ฉินเหยียนพูดให้เขาสงบลง
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำเรื่องบุ่มบ่ามได้ หากโต้กลับ อาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงได้”
“เช่นนั้นทำอย่างไรดีเล่า? หรือว่าทำได้แต่คอยดูพวกเขาทำเรื่องเลวร้ายหรือ?”
“ก็ไม่ได้ขนาดนั้น
ฉินเหยียนขมวดคิ้ว หลังจากนั้นพูดออกมาว่า
“จัดการเรื่องแบบนั้นง่ายมาก อีกอย่างวิธีการที่ดีที่สุดนั่นคือ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง”
สายตาของฉินอวี่พลันเป็นประกายขึ้น เขาพูดอย่างตื่นเต้น
“หนามออกต้องเอาหนามบ่ง? น้องสิบสี่ อย่าอุบไว้ให้ข้าอยากรู้สิ”
“ง่ายมาก”
ฉินเหยียนยิ้ม
เขามองไปที่ฉินอวี่แล้วตอบกลับว่า
“พี่เจ็ด พรุ่งนี้ท่านพี่หาคนให้ไปแจ้งเสิ่นเฟยว่า อย่าเพิ่งประกาศให้ใครว่าเรามาถึงเมืองหัวถิงแล้ว บอกเขาไปว่า อาณาจักรฉินจะเพิ่มเงินจำนวนสองล้านตำลึงให้กับโรงต่อเรือของเขา เพื่อให้เขากล้าสู้หน้ากับพวกคนในอาณาจักรหลู่”
“เอ๋?”
ฉินอวี่อึ้งไป
“ในกรณีนี้ ค่าใช้จ่ายเขาเราจะไม่สูงขึ้นหรือ?”
หากเป็นเช่นนั้น จะไม่ดีกว่าหรือหากก่อนหน้านี้ใช้เงินจำนวนมากซื้ออู่ต่อเรือให้มากขึ้น อีกอย่างก็คงจะไม่ถูกโจมตีถึงขนาดนี้”
ฉินเหยียนยักไหล่
“ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ตอนนี้พวกเราใช้เงินกับกิจการของเราเอง เงินที่เราใช้ไปนั้นคุ้มค่ามาก อีกอย่างเราจะได้เห็นว่าเสิ่นเฟยคุ้มค่ากับงานนี้หรือไม่”
เมื่อฉินอวี่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็เข้าใจในทันทีว่าฉินเหยียนหมายถึงอะไร แต่เขายังคงกัดฟันพูดว่า
แต่อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังรู้สึกหงุดหงิด พวกคนสารเลวเหล่านั้นกลับข้าล่วงเกินพวกเรา พวกเรากลับทำอะไรพวกเขาไม่ได้”
ยิ่งฉินอวี่พูดมากเท่าไร เขายิ่งรู้สึกเสียใจมากเท่านั้น
เดิมทีฉินอวี่เป็นคนเลือดร้อน เขาแสดงความรักและความเกลียดชังออกมาอย่างชัดเจน เขาไม่อาจซ่อนความรู้สึกตัวเองเอาไว้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่พูดมันออกมาก็ตาม
ฉินเหยียนยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไรมาก
เรื่องนี้แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แต่ในสายตาเขา เรื่องนี้เพิ่งจะเริ่มต้น เขายังคงต้องมีกฎเกณฑ์บางอย่าง
“เอาล่ะ พี่เจ็ดไม่ต้องคิดเรื่องไร้สาระพวกนี้แล้ว รีบพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ข้าค่อยมาหาท่านพี่ใหม่”
“อืม ได้”
...
วันที่สอง
เสิ่นเฟยออกมาจากบ้านพร้อมตาอันดำคล้ำ เมื่อคืนเขางานยุ่งมากกลับมาถึงก็ดึกแล้ว แต่วันนี้เขาไม่กล้าชะล่าใจ
เมื่อพวกเขาไปถึงอู่ต่อเรือ อาจารย์ได้นำช่างฝีมือประมาณสิบกว่าคนมารออยู่ก่อนแล้ว ทำตามที่เขาได้ตกลงกับจางฝูเอาไว้ แต่พวกเขามาถึงเช้ามาก หากไปถึงท่าเรือก็ต้องรอนานกว่าของมาถึง
อาจารย์หลี่รีบส่ายหน้า
“ตอนนี้อาณาจักรอู่ของพวกเรากลายเป็นรัฐบรรณาการอาณาจักรฉินแล้ว จึงมีพ่อค้าจากอาณาจักรฉินเข้ามาที่นี่จำนวนไม่น้อยเพื่อทำธุรกิจ ว่ากันว่าตอนนี้คนจากอาณาจักรฉินมาลงทุนในอาณาจักรอู๋จำนวนมหาศาล อีกอ่าทุกอาชีพ ทุกธุรกิจต่างไปได้ด้วยดี”
เสิ่นเฟยขมวดคิ้ว เรื่องนี้ยากเล็กน้อย
ด้วยความสิ้นหวัง เขาทำได้เพียงไปหาคนที่ท่าเรือ เจรจาว่าพอจะมีพื้นที่ว่างให้เขาใช้บ้างไหม
“เถ้าแก่เสิ่น? ช่วงนี้ชื่อเสียงของท่านเลื่องลือไม่น้อยเลย?”
อาเฝิง เป็นหัวหน้าที่ท่าเรือ เขามองไปที่เสิ่นเฟยด้วยรอยยิ้มกว้างพลันพูดติดตลก
เห็นได้ชัดว่าเรื่องในอาณาจักรอู๋ทุกคนต่างรู้ดี
เสิ่นเฟยไอแห้งๆ และพูดเบาๆ
“หัวหน้าเฝิง ข้ามาที่นี่เพื่อเช่าสถานที่ พอจะมีที่ว่างให้พวกข้าใช้บ้างหรือไม่?”
หัวหน้าเฝิงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาพูดอย่างใจเย็น
“ข้าเกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น”
“เอ๋?”
เสิ่นเฟยเลิกคิ้วมองไปที่หัวหน้าเฝิง
หัวหน้าเฝิงพูดอย่างใจเย็น
“เถ้าแก่เสิ่น ท่าเรือทุกท่าในอาณาจักรอู๋มีสินค้าที่ต้องขนย้าย เพื่อต้องส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ”
“ท่าเรือนี้เป็นเรื่องปกติที่มีคนใช้มากเช่นนี้ โดยเฉพาะท่าเรือขนาดใหญ่เช่นนี้ที่ขนาดยังใหญ่ไม่พอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...