ลั่วเป่ยหมิงเงียบขรึมไปสักพักแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย "พรุ่งนี้ผมจะจัดงานแถลงข่าว อธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพทย์ให้สื่อมวลชนและประชาชนทุกคนรับรู้"
"เกรงว่าคงจะไม่ใช่แค่นั้นหรอกมั้ง?" หลินหยางยิ้มแล้วพูด
"ถูกต้อง ในงานแถลงข่าวพรุ่งนี้ ผมจะอธิบายให้สื่อมวลชนรับรู้ด้วยว่าเฉียนเฉียนใช้ทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของตระกูลลั่วช่วยชีวิตผู้ป่วยทั้งห้าคนยังไง!" ลั่วเป่ยหมิงพูดขึ้นอีกครั้ง
"คุณปู่" ลั่วเฉียนตกใจจนหน้าถอดสี "คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?"
"เฉียนเฉียน หุบปาก" ลั่วเป่ยหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"ทั้งๆที่หลินหยางเป็นคนช่วยชีวิตผู้ป่วยทั้งห้าคน! คุณจะไปบอกคนอื่นว่าฉันเป็นคนช่วยได้ยังไง?" ดวงตาของลั่วเฉียนแดงก่ำ
"ผู้เฒ่าลั่วต้องกันรักษาชื่อเสียงทักษะการแพทย์ของตระกูลลั่วก็เท่านั้น!" หลินหยางพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับลั่วเป่ยหมิงการสูญเสียเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เขาจะปล่อยให้ชื่อเสียงของตระกูลลั่วพังทลายลงในมือของตัวเองไม่ได้
เรื่องนี้จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่แต่จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก แต่เมื่อไหร่ที่มีคนมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลั่วมันก็คือมลทิน
ลั่วเป่ยหมิงเป็นคนให้ความสำคัญในด้านของชื่อเสียง เขาไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ดังนั้น เขาต้องการนำผลงานที่ช่วยชีวิตของผู้ป่วยทั้งห้าคนมาไว้บนตัวของลั่วเฉียน เมื่อเป็นแบบนี้ ทุกคนก็จะรู้ว่าหมอคนหนึ่งที่ชื่อหยานหลางแอบเปลี่ยนยาของซานจือถัง เห็นชีวิตของคนเป็นเรื่องล้อเล่นเพราะความโลภ ส่วนลั่วเฉียนหลานสาวของหมอเทวดาลั่วแสดงทักษะการแพทย์ที่น่าทึ่ง ช่วยชีวิตของผู้ป่วยฟื้นคืนจากความตาย
เมื่อเป็นแบบนี้ ชื่อเสียงของตระกูลลั่วและของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ที่เขาเรียกหลินหยางมา ทั้งหมดก็เพื่อใช้เงินปิดปากสั่งให้เขาห้ามพูดอะไรส่งเดช
"หนุ่มน้อย รับเอาไว้เถอะ คุณทำงานในซานจือถังของเราเป็นสิบปีก็ใช่ว่าจะได้เงินมากมายขนาดนี้" ลั่วเป่ยหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"ไม่!"
ลั่วเฉียนรู้สึกโกรธจนยกเท้าขึ้นถีบออกไป
ปัง!
กล่องใส่รหัสกลิ้งล้มไปที่พื้น เงินที่อยู่ข้างในกระจัดกระจายไปทั่ว
"คุณปู่ ฉันไม่เห็นด้วยเด็ดขาด! ทั้งๆที่หลินหยางเป็นคนช่วยชีวิตของผู้ป่วยทั้งห้าคน คุณจะเอาความดีความชอบมาใส่ที่ตัวของฉันได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นมีผู้คนอยู่ในเหตุการณ์ตั้งมากมาย ถ้าคุณพูดแบบนั้นออกไปในงานแถลงข่าวก็เท่ากับว่าคุณกำลังหลอกลวงประชาชน!" ลั่วเฉียนตะโกนเสียงดัง
แต่ลั่วเป่ยหมิงกลับดูสงบนิ่งมาก
เขาโบกมือ ลุงจงเดินเข้ามาเก็บเงินทั้งหมดเข้าไปในกล่องแล้วพูด "วันนี้ตอนที่รักษาผู้ป่วยทั้งห้าคน คุณมีส่วนในการช่วยหรือเปล่า?"
"ฉัน…ฉันแค่รับผิดชอบปรุงยา แต่สูตรยาพวกนั้นหลินหยางเป็นคนสอน…"
"แค่นั้นก็พอแล้ว!"
ก่อนที่ลั่วเฉียนจะพูดจบ ลั่วเป่ยหมิงพูดตัดคำพูดของเธอโดยตรง
"คุณปู่…"
"สำหรับพยานในที่เกิดเหตุของวันนี้ ฉันจะส่งคนไปจัดการเอง ในงานแถลงข่าวของวันพรุ่งนี้ ฉันจะบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเอง ฉันจะบอกว่าหลานสาวของฉันและทักษะการแพทย์ที่น่าทึ่งของตระกูลลั่วเป็นคนช่วยชีวิตผู้ป่วยทั้งห้าคนเอาไว้ ที่พวกเขารอดชีวิตมาได้ล้วนแต่เป็นเพราะทักษะการแพทย์ของตระกูลลั่ว!" ลั่วเป่ยหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
แววตาทั้งคู่ของลั่วเฉียนสั่นไหว เธอทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
"หนุ่มน้อย ผมบอกไปแล้วที่เรียกคุณมาไม่ใช่เพื่อให้รางวัล แต่เป็นการกำชับคุณ หวังว่าคุณจะไม่ก่อความวุ่นวาย คุณเข้าใจคำพูดของผมหรือเปล่า?" ลั่วเป่ยหมิงมองไปทางหลินหยาง น้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยแรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้
"ผมเข้าใจแล้ว"
หลินหยางถอนหายใจ ยิ้มแล้วยิ้มอีก
"ดีมาก!"
ลั่วเป่ยหมิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "คุณเป็นคนฉลาด ผมชอบทำความรู้จักกับคนฉลาด หนุ่มน้อย พรสวรรค์ของคุณไม่เลว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนมีไหวพริบ ในฐานะที่เป็นรางวัล ผมไม่เพียงแต่ยอมให้เงินพวกนี้กับคุณ ผมยินดีที่จะรับคุณเป็นลูกศิษย์ ตอนนี้ขอเพียงแค่คุณคุกเข่าลงถวายน้ำชา ต่อไปคุณก็จะเป็นลูกศิษย์ของผม แน่นอน หลังจากที่กลายเป็นลูกศิษย์ของผม คุณจำเป็นต้องบอกกับคนอื่นว่าผมเป็นคนถ่ายทอดทักษะการแพทย์ให้คุณ คุณเข้าใจหรือเปล่า?"
ลั่วเฉียนร่างกายสั่นสะท้านเหมือนโดนฟ้าผ่า
เธอคงจะคิดไม่ถึงว่าคุณปู่ที่เคารพรักของตัวเองจะทำเกินไปถึงขนาดนี้
ในที่สุดหลินหยางก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหมอเทวดาลั่วคนนี้ถึงมีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่ว และมีผู้คนมากมายคอยสรรเสริญ
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
"คุณหัวเราะอะไร?" ลุงจงขมวดคิ้วถาม
"ผมนึกถึงเรื่องที่มีความสุข" หลินหยางตอบกลับ
"เรื่องที่มีความสุขอะไร?"
"ทักษะการแพทย์ของผมสูงกว่าเขา" หลินหยางชี้ลั่วเป่ยหมิง เขายิ้มและพูด
"บังอาจ!"
มาจนถึงขนาดนี้แล้วยังยิ้มได้ ถือว่าเป็นคนที่ใจแข็งมาก
"ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย รับเงิน หลังจากนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าผมแล้วถวายน้ำชา ประกาศให้คนอื่นรู้ว่าผมเป็นคนสอนทักษะการแพทย์ให้คุณ ถ้าหากคุณทำแบบนี้ ผมสามารถทำเหมือนเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น" ลั่วเป่ยหมิงหลับตาลงพักสายตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
นี่คือครั้งสุดท้ายที่เขาจะให้โอกาสหลินหยาง
และเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย
หลินหยางเชื่อ ถ้าเกิดเขาปฏิเสธ คนพวกนี้จะพุ่งเข้ามากดเขาลงพื้น หลังจากนั้นทำให้เขากลายเป็นคนพิการ
ถึงเวลาที่มีการตรวจสอบ คนของเขาจะเป็นคนรับผิด ส่วนตระกูลลั่วชดเชยค่าเสียหาย เรื่องมันก็มีแค่นี้
ช่วยไม่ได้ ขอเพียงลั่วเป่ยหมิงไม่ล้ำเส้นที่ขีดเส้นใต้เอาไว้ ก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขา
ลั่วเป่ยหมิงเป็นคนฉลาดมาก
แต่น่าเสียดาย เขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับตัวของหลินหยาง
หลินหยางถอนหายใจ เขายื่นมือเข้าไปลูบหน้าอกของตัวเอง
อืม…ออกมาจากสถานีตำรวจสักพักแล้ว ตอนนี้แรงก็ถือว่าฟื้นฟูกลับมาพอสมควร ออกจากที่นี่น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
หลินหยางครุ่นคิด
เขาเงยหน้าขึ้น ในแววตาปรากฏให้เห็นความเย็นชา ส่วนมือกำลังยืนตรงไปที่ส่วนเอว
แต่ในตอนนั้นเอง…
"หยุดเดี๋ยวนี้!"
มีเสียงพูดที่เคร่งขรึมและแฝงไปด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
ทุกคนตกตะลึง หันไปมองพบว่าลั่วเฉียนไปหยิบถ้วยชาใบหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอทุบถ้วยชาในมือกับเสาที่อยู่ด้านข้างจนแตก
เพรียง
ถ้วยชาแตก บาดฝ่ามือของเธอเป็นแผล เลือดสีแดงสดไหลออกมา
แต่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เธอหยิบเศษแก้วที่แตกขึ้นมาที่ไปจี้คอของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...