………………..
ฉู่หนิงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
“ที่เยว่เออร์เป็นเช่นนี้ จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ…”
เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่พวยพุ่งออกมา จนทำให้เกิดแรงกดดันที่น่าตกใจขึ้น!
เหมือนกับว่ามีอันใดบางอย่างกดทับที่หน้าอกของเขาอย่างรุนแรง แม้กระทั่งจะหายใจก็ยังยากลำบาก
เยว่เออร์อยู่ภายในศูนย์กลางของพลังที่หมุนวน และดูดกลืนพลังเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง จึงไม่รู้ว่านางได้รับความทุกข์ทรมานมากเพียงใด?
เมื่อเปรียบเทียบกับความกังวลของฉู่หนิง ซั่งกวนจิ้งและหนานซู่ไหวกลับรู้สึกใจเย็นกว่ามาก
“เยว่เออร์เป็นเด็กที่รู้จักหนักเบามาโดยตลอด ไม่มีทางทำเรื่องอันตรายแก่ตนเองอย่างเด็ดขาด เรื่องนี้เจ้าสามารถวางใจได้เลย”
หนานซู่ไหวพูดปลอบโยนเขา
แต่ความจริงแล้วเขาก็รู้สึกสับสนอย่างมากเช่นเดียวกัน
“นี่…หรือว่านางจะทะลวงด่านต่อ? โอ้…แต่ก็ไม่ค่อยเหมือนนะ…”
แม้ว่าเหมือนจะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างระดับเทพขั้นสูงและระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้มีการแบ่งระดับอย่างชัดเจน เพราะนอกจากพลังศักดิ์สิทธิ์จะไม่เหมือนกันแล้ว ร่างศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปด้วย
ดังนั้นระดับเทพขั้นสูงและระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จึงมีช่องว่างขนาดใหญ่กั้นอยู่
แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานซั่งกวนเยว่เพิ่งจะอัญเชิญอาณาเขตเทพเซียนกลับมาและทะลวงด่านกลายเป็นระดับเทพขั้นสูง ภายในช่วงเวลาสั้นๆ จะสามารถทะลวงด่านกลายเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างใด?
ต่อให้ในตอนนี้นางมีฝีมือในระดับนั้นจริงๆ นางก็คงไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน
นางเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาโดยตลอด ไม่มีทางไม่รู้ถึงพื้นฐานของการทะลวงด่านนั้นจะมีอุปสรรคมากกว่าความราบรื่น
ยิ่งไปกว่านั้นแม้กระทั่งร่างศักดิ์สิทธิ์นางก็ยังไม่สามารถหลอมออกมาได้เลย แล้วจะทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างใด?
ซั่งกวนจิ้งหันหน้าไปมอง แต่ก็ไม่ได้พูดอันใด
เขาเฝ้าดูการเติบโตของนาง
หนานซู่ไหวเหลือบสายตามองทางหรงซิว เมื่อเห็นว่าเขายังสีหน้าปกติเฉกเช่นเดิม เขาก็รู้สึกวางใจขึ้นมาได้
เขาหันไปบอกกับฉู่หนิงว่า
“วางใจเถอะ นังหนูเยว่เออร์จะต้องออกมาจากด้านในนั้นอย่างปลอดภัยแน่นอน”
…
สีดำที่อยู่บริเวณโดยรอบสัญลักษณ์ตรงกลางของกำแพงขนาดใหญ่นั้นจางหายไปเกือบหมดแล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะกระจายออกไปทั้งสองฝั่งด้วย
ฉู่หลิวเยว่นั่งสมาธิอยู่ สองมือวางที่หน้าตัก พร้อมหลับตาแน่น
แสงสะท้อนกระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเงาของขนตาหนา
ใบหน้าด้านข้างของนางเงียบสงบและงดงาม และยังแฝงด้วยกลิ่นอายเย่อหยิ่งที่ดูแคลนคนทั้งใต้หล้า
ต่อให้มองจากในระยะไกลก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวและยอมจำนนโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งไม่กล้าที่จะมีความคิดอื่นใด
พลังแห่งสวรรค์โลกพวยพุ่ง จนสุดท้ายก็รวมตัวภายในร่างกายของนาง
ในที่สุดส่วนที่ไม่สมบูรณ์ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาทีละน้อย!
ตึง!
ด้วยเสียงฉินสายนั้นดังขึ้นที่กลางสมองของฉู่หลิวเยว่
ในที่สุดเนื้อเพลงฉินทั้งสองส่วนก็สามารถผสานรวมกันได้อย่างสมบูรณ์จนกลายเป็นแผ่นเดียวกัน!
แน่นอนว่ายังมีส่วนที่ขาดหายอยู่ที่ปลายด้านหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าส่วนที่หายไปนั้นคือส่วนที่สาม เนื้อเพลงฉินส่วนสุดท้าย!
แต่เนื้อเพลงฉินสองในสามส่วนนี้อยู่ในมือของนางแล้ว อีกทั้งยังยอมรับนางเป็นเจ้านายโดยพร้อมเพรียง
พลังแฝงของของวิเศษสิ่งนี้ แม้กระทั่งนางก็ยังรู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน!
หลังจากนั้นไม่นานเนื้อเพลงฉินแผ่นนี้ก็สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และกลายเป็นไข่มุกธาราที่กระจ่างใสเม็ดหนึ่งอีกครั้ง!
เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ ไข่มุกธาราเม็ดนี้มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งไข่มุกธาราเม็ดนี้ เต็มไปด้วยแสงสว่างสุกสกาวแต่ไม่แสบตา มันงดงามเป็นอย่างมาก จนทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นไหว
จากนั้นสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ที่อยู่บนกำแพงก็กลายเป็นลำแสงสายหนึ่งแล้วพุ่งเข้ามาที่ระหว่างคิ้วของฉู่หลิวเยว่!
วินาทีต่อมาสัญลักษณ์นั้นก็ส่องประกายแสงขึ้น!
แรงกดดันอันแข็งแกร่งที่ยากจะบรรยายก็แผ่ออกมาจากร่างกายของฉู่หลิวเยว่!
…
“ผู้อาวุโสซั่งกวน สัญลักษณ์นั้น…เป็นการสืบทอดของสายเลือดซั่งกวนหรือ?”
หนานซู่ไหวถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ซั่งกวนจิ้งส่ายหน้า
หากต้องการจะมีสัญลักษณ์ จะต้องมีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งจนสามารถอยู่ในระดับสูงสุดเท่านั้น คนเช่นนั้นถึงจะมีพลังแห่งสายเลือดที่สามารถสืบทอดให้แก่ทายาทได้
แต่เขาคือบรรพบุรุษของตระกูลซั่งกวน
และบรรพบุรุษก่อนหน้าเขาไม่มีใครแข็งแกร่งเฉกเช่นเขามาก่อน
ส่วนสัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของฉู่หลิวเยว่นั้น เขาเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปจริงๆ
“หรือว่านางได้รับการสืบทอดมรดกจากที่แห่งนี้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...