………………..
หรงซิวมีสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็รีบคว้ามือของนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว!
เงาร่างของเขาก็หายตัวไปอย่างพร้อมเพรียง!
ความว่างเปล่าที่พังทลายถูกความดำมืดเข้มข้นเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว พร้อมซ่อนร่องรอยของพวกเขาอย่างมิดชิด!
“นางหนูเยว่เออร์!”
“อาเยว่!”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ
แต่อย่างใดก็ตามทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง คนก็ได้หายไปแล้ว!
หนานซู่ไหวขมวดคิ้วแน่นเป็นปม ต้องการจะฉีกมิติอีกครั้งเพื่อติดตามพวกเขาไป!
ซั่งกวนจิ้งยื่นมือออกมาขวางเขาไว้
“ไม่มีประโยชน์ มิติในที่แห่งนี้เกิดการสั่นสะเทือน รอยแยกแต่ละรอยมีทิศทางที่แตกต่างกัน ต่อให้จะฉีกมิติในพื้นที่ตำแหน่งเดียวกัน ก็ไม่สามารถเดินทางไปที่แห่งเดียวกับพวกเขาได้”
ซั่งกวนจิ้งเคยมาที่แห่งนี้มาก่อน นับว่าเป็นคนที่คุ้นเคยกับอาณาจักรเสิ่นซวี่มากที่สุดในกลุ่มบุคคลที่อยู่ที่นี่
หากแม้กระทั่งเขายังพูดเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้จริงๆ
“เช่นนั้นจะทำอย่างใดดี?”
หนานซู่ไหวรู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมาก
คนผู้นี้เพิ่งออกมาจากภายในภำแพงที่เต็มไปด้วยอันตราย ยังพูดคุยกันไม่ได้สองประโยคเลย นางกลับตกลงไปในมิติที่ว่างเปล่าอีกแล้ว จนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ในที่แห่งใด
ใต้หล้ากว้างใหญ่ แล้วเช่นนี้จะตามหาได้อย่างใด?
ซั่งกวนจิ้งขมวดคิ้วขึ้นและจมดิ่งอยู่ในความคิด
“ความจริงแล้วเรื่องเช่นนี้ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก…”
“ข้าเดาว่า นางหนูเยว่เออร์น่าจะไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหรงซิวอยู่ เพียงแต่ว่า…การที่จะตามหาพวกเขาได้ตอนนี้ เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนเงียบเสียงลง
บุพกาลชายแดนเหนือ!
นั่นเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมากอีกทั้งยังห่างจากที่นี่เป็นหมื่นลี้!
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุด
สำหรับพวกเขาเหล่านี้ ต่อให้เป็นบุพกาลชายแดนเหนือ หรือสถานที่ที่อันตรายมากกว่านี้ใช่ว่าพวกเขาจะไปไม่ได้
แต่ปัญหาในตอนนี้คือ…พวกเขาต้องระบุตำแหน่งที่แน่นอนของฉู่หลิวเยว่และหรงซิวก่อน!
อาณาจักรเสิ่นซวี่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขาจะถูกส่งไปที่ใด?
ท่ามกลางความเงียบงันแทบจะทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องไห้เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ฮือ! อาเยว่หายไปแล้ว! ฮือ! อาเยว่!”
คนที่ร้องไห้ก็คือ ถวนจื่อ
ซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ มองหน้ากันไปมา
เรื่องเมื่อครู่นี้มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มีเพียงแค่หรงซิวที่มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วที่สุด และติดตามไปได้
เนื่องจากถวนจื่ออยู่ในอ้อมแขนของอี้เจา จึงไม่สามารถติดตามไปได้ในทันที ทำให้ถูกทิ้งอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นว่าถวนจื่อร้องไห้ อี้เจาก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที ก่อนจะรีบยกมือเช็ดน้ำตาให้กับถวน
จื่อด้วยความระมัดระวัง
ฝ่ามือของเขาทั้งใหญ่และหยาบกระด้าง มือของเขานั้นใหญ่กว่าใบหน้าของถวนจื่อเสียอีก
การกระทำเหล่านี้ดูงุ่มง่ามอย่างชัดเจน
“ถวนจื่อ อย่าร้อง ไม่ต้องร้องไห้นะ…”
อี้เจาก็เป็นกังวลมากเช่นกัน
หากใครทำไม่ดี อี้เจาก็จะตำหนิ เพียงเท่านี้ก็สามารถเพิ่มความกดดันให้กับพวกเขาได้อย่างมหาศาลแล้ว
โดยสรุปแล้วไม่มีใครกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าอี้เจาเลย
แต่ถวนจื่อนั้นแตกต่างออกไป
ด้านหนึ่งก็เป็นเพราะนางไม่ได้เติบโตภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ซึ่งนางก็ไม่เคยเห็นอี้เจามีท่าทางเคร่งขรึมและแข็งแกร่งมาก่อน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง…นางติดตามฉู่หลิวเยว่มานาน ดังนั้นจึงมีนิสัยตามใจและเย่อหยิ่ง เดิมทีนางไม่กลัวว่าอี้เจาจะโกรธเลย
…หากนางกลัว ก่อนหน้านี้นางคงไม่ไปเผชิญหน้ากับพวกเขาที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงหรอก
ดังนั้นเมื่อถวนจื่อเริ่มร้องไห้อย่างปวดใจขึ้นมา
อี้เจาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...