หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 863

ร่างกายของเฉินผิงค่อยๆ เปลี่ยนไปในช่วงหนึ่งเดือน

เขาแตกต่างไปจากผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ขณะที่เขาบำเพ็ญฌาน ร่างกายของเขาก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยพลังประดามีที่เขาได้รับ ทำให้เขาผลัดผิวหนังเดิมออกราวกับคราบงู เผยให้เห็นถึงชั้นผิวหนังใหม่ที่แวววาวราวกับโลหะ

จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลืมตาที่ปิดสนิทมาตลอดทั้งเดือน ร่างกายของเฉินผิงเปล่งแสงสีทองอ่อนจางที่สว่างพร่างพรายราวกับสุริยันจันทรา กระดูกของเขาแข็งแกร่งมากเสียจนยากจะมีสิ่งใดมาทำลายลงได้

เมื่อเห็นลำแสงสีทองแผ่ออกมาจากห้องของเฉินผิง ซูฉางเซิงก็รู้สึกสับสน เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า ”เกิดอะไรขึ้นในห้องเจ้าหุบเขางั้นรึ?”

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ส่ายหน้าพร้อมกัน เพราะไม่ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องของเฉินผิง พวกเขารู้เพียงแต่ว่าเฉินผิงไม่ได้ออกจากห้องแม้สักครั้งเดียวมาตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว

“ไปดูเขากันเถอะ” ซูฉางเซิงเอ่ยเสนอแนะ

เขาพาผู้อาวุโสไม่กี่คนไปที่ห้องของเฉินผิง

ในตอนนั้นเอง เฉินผิงก็ค่อยๆ ลุกขึ้น พลังวิญญาณไหลผ่านร่างของเขาไประลอกหนึ่ง อีกอย่างเขาก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนในชีวิตเลย เขามองดูมือของตนเองซึ่งเปล่งลำแสงสีทองออกมา เฉินผิงอยากจะลองเขวี้ยงหมัดทดสอบฝีมือของตนเอง

อนิจจา เขาต้องระงับแรงกระตุ้นของตนเองไว้ ขืนฉันเขวี้ยงหมัดออกไปตอนนี้ คงได้ทำลายบ้านทั้งหลังเป็นแน่!

เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะสามารถบรรลุถึงขั้นหลุดพ้นระดับสูงสุดได้ในหนึ่งเดือน สักวันฉันจะฝ่าทะลวงขั้นหลุดพ้นแล้วก้าวเข้าสู่ขั้นแปรธาตุให้จงได้ เช่นนั้นฉันก็น่าจะสามารถจัดการกับตระกูลหลงได้”

เฉินผิงไม่นึกว่าแก่นมังกรจะสามารถนำพาผลประโยชน์มหาศาลเช่นนั้นมาให้เขาได้

ไม่นานเขาก็ค้นพบอีกเรื่องหนึ่ง แสงของแก่นมังกรจางลงมากกว่าเดิม และพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาก็อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

แก่นมังกรอันนี้มีอายุใช้งานด้วยงั้นรึ?

เฉินผิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแก่นมังกรมากนัก เขารู้สึกสับสนหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลงอู่มิได้อธิบายเรื่องต่างๆ ให้เขาฟังอย่างแน่ชัด

ในขณะเดียวกัน เสียงของซูฉางเซิงก็ลอยเข้ามาจากนอกประตูห้อง “เจ้าหุบเขา คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

ซูฉางเซิงและผู้อาวุโสทั้งหลายเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับเฉินผิง จึงรีบพรวดพราดเข้ามาดูเขา

เสี่ยวหลานไม่ทราบเรื่องที่เฉินผิงปลีกตัวบำเพ็ญฌาน ซูฉางเซิงกับเหล่าผู้อาวุโสไม่แจ้งชัดในสถานะของเธอ ดังนั้นหลังจากเสี่ยวหลานฟื้นคืนสติ เธอก็เริ่มคร่ำครวญว่าอยากจะพบเขา

ทันใดนั้นเอง เฉินผิงก็รู้สึกสงสัยว่าเขาปลีกตัวบำเพ็ญฌานไปนานเท่าไหร่กันแน่ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสซู ผมอยู่ในห้องนี้มานานเท่าไหร่งั้นเหรอ?”

“เจ้าหุบเขา คุณปลีกตัวบำเพ็ญฌานมาเป็นเดือนแล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ผมสั่งให้คนในหุบเขาตกแต่งห้องโถงสำหรับงานเฉลิมฉลองแล้วล่ะครับ”

เฉินผิงเพิ่งจะกลายมาเป็นเจ้าหุบเขายา และมีคนไม่มากที่ล่วงรู้ตัวตนของเขา ซูฉางเซิงเชื่อว่าเทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นโอกาสดีที่จะแนะนำเจ้าหุบเขาคนใหม่ให้คนในหุบเขาได้รู้จัก

“หนึ่งเดือนงั้นรึ?” เฉินผิงรู้สึกตกใจที่ได้รู้ว่าตนปลีกตัวบำเพ็ญฌานมากนานแค่ไหนแล้ว เขาเชื่อว่าการบำเพ็ญฌานรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่หนึ่งเดือนกลับผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว ตอนนี้จวนจะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว

เมื่อนึกถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ชวนให้เฉินผิงคิดถึงบิดามารดาของตนเอง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าตนเป็นเด็กที่ถูกรับมาอุปการะ แต่เฉินผิงก็รักบิดามารดาบุญธรรมของตนอย่างสุดซึ้ง

ไม่รู้ว่าป่านนี้ซูอวี่ฉีกับกู่หลิงเอ๋อร์จะทำอะไรกันอยู่นะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร