หยางเสี้ยว หนูน้อยหัวใจแกร่ง นิยาย บท 7

วันนี้เพราะมีหยางเชวียนมาด้วยทำให้หยางเสี้ยวกำลังตัดสินใจว่าจะไปที่ภูเขาอู๋หลงดีหรือไม่ เพราะการที่เขาเข้าป่าลึกไปทุกวันนั้นเขาไม่ได้บอกให้ใครรู้ ทุกคนเข้าใจว่าเขาไปขุดผักป่าและวางกับดักที่ภูเขาซิ่วสือที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของภูเขาอู๋หลง แต่หลังจากคิดไตร่ตรองรอบคอบแล้ว หยางเสี้ยวคิดว่าตัวเองสมควรจะพูดจาตกลงกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตัวเองให้เข้าใจ

ตอนนี้ท่านลุงยังไม่กลับบ้าน ลำพังอาศัยแค่ท่านปู่คนเดียวคงจะไม่ได้ ป้าสะใภ้เจ็บป่วยอ่อนแอ ท่านย่าเองร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเช่นเดียวกัน หยางเสี้ยวคิดว่าที่ทุกคนร่างกายไม่แข็งแรงมักเจ็บป่วยอยู่เสมอนั้นอาจจะเป็นเพราะขาดสารอาหาร เมื่อความเป็นอยู่ไม่ดีอาหารมีไม่เพียงพอ

เนื้อสัตว์คือสิ่งที่หายาก อาหารแต่ละมื้อไม่ผักป่าผัดกับน้ำเติมเกลือนิดหน่อยก็เป็นโจ๊กที่หาเม็ดข้าวไม่เจอ น้ำมันสำหรับทำอาหารนั้นเป็นสิ่งที่หายากสำหรับชาวบ้านยากจน ส่วนเกลือก็ราคาแพง แต่ที่แพงกว่าเกลือก็น้ำตาล ไม่ว่าจะอะไรล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งนั้น

“อาเสี้ยว มีอะไรหรือเปล่า ข้าเห็นเจ้าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นานสองนาน แล้วนี่เราจะไปขุดผักป่าที่ไหนหรือ ทำไมเจ้าพาข้าเดินมาทางนี้ล่ะ เราไม่ได้จะไปที่ภูเขาซิ่วสือหรอกหรือ”

“พี่ใหญ่ ท่านรับปากข้าสักเรื่องจะได้หรือไม่ เก็บเป็นความลับของพวกเราสองคน”

“ได้สิ เจ้ามีเรื่องอะไรพูดมาได้เลย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าหรือ”

“คือพวกเราไม่ได้จะไปที่ภูเขาซิ่วสือ เพราะข้าเห็นว่าชาวบ้านทุกคนต่างไปหาของป่าที่ภูเขาซิ่วสือกันทั้งนั้น คนมาก อาหารน้อย แล้วเรายังจะได้อะไรกลับมาเล่า ท่านว่าหรือไม่”

“แล้วปกติเจ้าไปหาของป่าที่ไหนล่ะ แล้วที่เจ้าบอกว่าเจ้าไปวางกับดักเอาไว้ ไม่ใช่ที่ภูเขาซิ่วสือหรอกหรือ”

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ ข้าไปที่ภูเขาอู๋หลงต่างหาก”

“อะไรนะ! ภูเขาอู๋หลง นั่นมันอันตรายมากไม่ใช่หรือ อาสะใภ้รู้เรื่องที่เจ้าไปที่ภูเขาอู๋หลงหรือไม่”

“ก็ไม่รู้น่ะสิ ถึงได้บอกให้ท่านเก็บเป็นความลับอยู่นี่ยังไงล่ะ”

“ทำไมเจ้าถึงได้กล้าเข้าไปในภูเขาอู๋หลงคนเดียวล่ะอาเสี้ยว นั่นมันอันตรายมากเลยนะ ข้าว่าเราอย่าไปเลยดีกว่า ภูเขาซิ่วสือถึงจะมีชาวบ้านไปหาผักป่าทุกวันแต่ก็ยังพอมีผักป่าให้พวกเราเก็บอยู่”

“สำหรับคนที่เคยตายมาครั้งหนึ่งอย่างข้าแล้ว ข้ากลัวว่าจะอดตายมากกว่า ท่านเชื่อข้าเถอะ ความจริงแล้วมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น”

“อาเสี้ยว เจ้าพูดว่าเจ้าเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งเหรอ เรื่องจริงหรือเปล่า” หยางเชวียนเมื่อได้ฟังก็ตกใจจนหน้าซีด

“ตอนที่ข้าป่วยยังไงล่ะ ไม่ตายก็เหมือนตายนั่นล่ะ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้สติอยู่ตั้งหลายวัน หลังจากที่ข้าหายป่วย ข้าตั้งใจว่าจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวของพวกเรามีอาหารกินอิ่มท้องไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ไม่ว่าอะไรที่สามารถกินได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะกินมันหรอกนะ คนเราหากอยากมีชีวิตรอดก็ย่อมต้องเข้มแข็งไม่ใช่หรือยังไง หากมัวแต่กลัวนั่นหวาดระแวงนี่ แล้วจะมีชีวิตรอดไปได้ยังไง ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าทำไมลูกชายของผู้ใหญ่บ้านไม่รวมกลุ่มกับชาวบ้านไปล่าสัตว์ แต่เขากลับไปล่าสัตว์ที่ภูเขาอู๋หลง แต่กลับพูดว่าภูเขาอู๋หลงนั้นอันตรายมาก มีสัตว์ป่าดุร้ายแล้วเหตุใดเขาจึงยังไปล่าสัตว์ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองแต่พูดจาให้ชาวบ้านกลัว ท่านไม่คิดบ้างว่าเพราะอะไร ข้ามาคิด ๆ ดูแล้ว บนภูเขาอู๋หลงต้องมีของดีมากมายเป็นแน่ แต่ลูกชายผู้ใหญ่บ้านเอาแต่สร้างข่าวลือให้ชาวบ้านกลัว ชาวบ้านเองก็เชื่อในคำพูดของเขา ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดชาวบ้านจึงเชื่อในคำพูดของเขา”

“เพราะอะไรหรือ”

“เพราะเขาอาศัยว่าเป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านยังไงล่ะ อาศัยความเชื่อถือที่ชาวบ้านมีให้กับพ่อของเขา ในเมื่อเขาเป็นถึงลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านก็ย่อมต้องเชื่อคำพูดของเขาอยู่แล้ว ท่านเองก็รู้ ชาวบ้านในหมู่บ้านของเราส่วนใหญ่เป็นคนซื่อสัตย์กันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ทำไร่ทำนา ไม่ใช่พรานป่ามีฝีมือ ป่าที่ไหน ๆ ก็อันตรายเหมือนกันหมด แต่สำหรับภูเขาอู๋หลงข้าคิดว่ามันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เอาล่ะตอนนี้ข้าให้ท่านตัดสินใจเองว่าจะไปต่อกับข้าหรือจะกลับไปหาผักป่าที่ภูเขาซิ่วสือ ส่วนข้ายืนยันคำเดิม ข้าจะไปที่ภูเขาอู๋หลง”

“ตกลง ข้าจะไปกับเจ้า ลองดูสักตั้ง”

“นี่เป็นความลับระหว่างเราสองคน ข้าหวังว่าท่าจะรักษาสัญญา”

“ข้าย่อมต้องรักษาสัญญาอย่างแน่นอน เป็นเจ้าที่พูดถูก หากอยากมีชีวิตรอดต้องเข้มแข็ง ในฐานะลูกชายคนโตภาระบนบ่าย่อมมีมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้ว เป็นเจ้าที่เตือนสติข้า ตลอดเวลาข้าเพียงตามอยู่ข้างหลังท่านพ่อกับท่านปู่เพียงเท่านั้น แต่เจ้าอายุน้อยกว่าข้าตั้งสองปี เจ้ากลับกล้าหาญและเข้มแข็งกว่าข้าเสียอีก”

“เอาล่ะเรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวแดดจะร้อนมากกว่านี้ เมื่อไหร่พวกท่านพ่อกับท่านลุงจะกลับมา ครั้งนี้พวกท่านพ่อเข้าป่าไปนานมากกว่าทุกครั้ง ท่านแม่ข้าเป็นห่วงมาก ถึงนางจะพยายามเข้มแข็งเพื่อพวกเราพี่น้อง แต่ข้ารู้ดีท่านแม่นอนหลับไม่สนิทสักคืน”

“ท่านแม่ข้ากับท่านปู่ท่านย่าเองก็เป็นห่วงท่านพ่อกับอารองเหมือนกัน ท่านปู่ท่านย่ากับท่านแม่ของข้าเองสุขภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่”

“ต่อไปถ้าหากเรามีอาหารเพียงพอข้าเชื่อว่าทุกคนจะดีขึ้น ที่พวกเราเจ็บป่วยอ่อนแอ เพราะกินไม่อิ่ม ร่างกายขาดสารอาหาร ว่าแต่พี่ใหญ่เชวียนท่านเอาเสียมมาด้วยหรือไม่”

“ข้าเอาเสียมเล็กมาน่ะ”

“เสียมเล็กก็พอแล้ว”

“ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงได้วางกับดักเป็นล่ะ แถมเจ้ารู้อะไรหลาย ๆ อย่างมากมายทีเดียว”

“ก็ไม่ใช่ว่าข้าเคยตามท่านพ่อเข้าไปในเมืองอยู่หลายหนเหรอ ทั้งไปขายสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ ทั้งไปซื้อยาให้ท่านแม่ของข้า ตอนไปขายสัตว์ป่าข้าบังเอิญพบนายพรานใจดีคนหนึ่งช่วยสอนข้าน่ะ ข้าตามท่านพ่อไปในเมืองสามครั้ง ท่านลุงนายพรานบอกว่าข้าอายุเท่าลูกชายของเขาเลยเข้ามาพูดคุยด้วยและได้สอนข้าตั้งหลายอย่างเลยล่ะ” หยางเสี้ยวแต่งเรื่องขึ้นอย่างแนบเนียน

“นายพรานคนนั้นใจดีมากเลยนะ ปกตินายพรานจะไม่สอนคนอื่นนอกจากลูกหลานของตัวเองหรอกนะ”

“เขาคงให้เพราะว่าข้าน่ารักน่าเอ็นดูน่ะสิ หรือท่านว่าไม่จริง ข้าออกจะหน้าตาดีขนาดนี้”

“มันก็จริง ในบรรดาพวกเราพี่น้องดูเหมือนว่าเจ้ากับอาเสียนจะหน้าตาดีจริง ๆ เพราะอาสะใภ้รองเองก็หน้าตาสะสวยถึงเพียงนั้น สวยกว่าท่านแม่ของข้าอีก”

“ของมันแน่อยู่แล้ว ท่านแม่ของข้าขึ้นชื่อว่าเป็นดอกไม้งามของหมู่บ้านเลยนะ"

เด็กชายทั้งสองเดินมุ่งหน้าเข้าไปในภูเขาอู๋หลง หยางเสี้ยวหวังว่าการที่เขาเข้าป่ามาในครั้งนี้จะต้องได้ของกินกลับไปแน่นอน จากความทรงจำของหยางเสี้ยวที่แห่งนี้มีมันเทศแล้วแต่ไม่มีใครปลูกเพียงแต่หาขุดตามป่าเขาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเผือกหรือมันเทศ ชาวบ้านเพียงหาขุดเอาตามป่าแต่ไม่มีใครคิดจะปลูกพวกมันขึ้นมา มิน่าล่ะถึงได้มีอาหารไม่พอกิน

“เราต้องเข้าไปลึกอีกมากเท่าไหร่หรืออาเสี้ยว”

“ข้าเองก็ไม่รู้ เพียงแต่เดินไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหาของที่กินได้เจอนั่นล่ะ”

บทที่ 7 1

บทที่ 7 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยางเสี้ยว หนูน้อยหัวใจแกร่ง