หยางเสี้ยวยังคงเดินหน้าเข้าไปในภูเขาอู๋หลงต่อไปเรื่อย ๆ หยางเชวียนเองก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวเท่ากับตอนแรกที่ยังไม่ได้เข้ามา ตอนนี้ในตะกร้าของเขามีผักป่าอยู่มากมาย หยางเสี้ยวบอกกับเขาว่าอย่าเก็บผักป่าไปมากนัก ให้เหลือพื้นที่ในตะกร้าเอาไว้ใส่ผลไม้ด้วย หากว่าไม่พบผลไม้อย่างอื่นค่อยเก็บผักป่าใส่ให้เต็ม
“อาเสี้ยว ถ้าพวกเราเดินเข้าไปอีกจะกลับออกจากป่าไม่ทันนะ มันจะมืดเสียก่อน วันนี้พอแค่นี้ดีหรือไม่”
“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่ว่าพรุ่งนี้ข้าอยากไปดูแถวป่าไผ่ก่อน ไม่รู้ว่าจะมีเห็ดเยื่อไผ่ให้เก็บหรือไม่”
“เห็ดเยื่อไผ่คืออะไร ทำไมข้าไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นเห็ดเยื่อไผ่ที่เจ้าว่ามานี้เลย”
“ข้าว่าท่านน่ะอาจจะเคยเห็นแต่ไม่รู้จักก็เป็นได้”
ในตอนที่ทั้งสองคนคุยกันเดินกลับออกจากป่าเพื่อจะไปตรวจดูกับดักที่หยางเสี้ยววางเอาไว้นั้น หยางเสี้ยวได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากอีกด้านของป่า เด็กชายส่งสัญญาณให้หยางเชวียนเงียบ จากนั้นจึงพากันไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เสียงที่ทั้งสองคนได้ยินนั้นคือเสียงของลูกชายผู้ใหญ่บ้าน
เป็นไปตามที่หยางเสี้ยวได้คาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด ปล่อยข่าวลือที่ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว เพื่อที่ตัวเองจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากหน่อย ช่างเป็นครอบครัวผู้นำที่เห็นแก่ตัวและประโยชน์ส่วนตัวจริง ๆ ตอนนี้หยางเชวียนได้แต่อ้าปากตกตะลึงแล้ว จากที่น้องชายเขาผู้นี้ได้กล่าวมาทั้งหมด ตอนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าหยางเสี้ยวไม่ได้พูดอะไรผิดไปเลยแม้แต่น้อย
เด็กชายทั้งสองคนหลบอยู่นานสองนาน รอจนกว่าลูกชายของผู้ใหญ่บ้านวางกับดักเสร็จแล้วเดินจากไป ทั้งสองคนจึงได้ออกมาจากที่ซ่อน หยางเชวียนมีสีหน้ามืดครึ้ม ส่วนหยางเสี้ยวยิ้มอย่างเย้ยหยันมองทั้งสองคนจากไป มิน่าล่ะ หมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขาแบบนี้ถึงได้ยากจนมากขนาดที่ว่าจะอดตายเพราะอาหารไม่พอกิน โดยปกติการพึ่งพาอาศัยอาหารจากป่าก็น่าจะทำให้ความเป็นอยู่ชาวบ้านไม่ถึงกับต้องลำบากขนาดนี้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะความเห็นแก่ตัวของคนเพียงครอบครัวเดียว
“สักวันข้าจะดึงพวกเขาลงมาจากที่สูงให้ได้” หยางเสี้ยว
“อาเสี้ยว เป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ คนพวกนี้ทำไมจิตใจหยาบช้าเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านหรือ แต่นี่เขากลับทำในสิ่งตรงกันข้าม เจ้าพูดเอาไว้ไม่มีผิดเลย สร้างเรื่องโกหกหลอกลวงชาวบ้าน เท่านี้ยังไม่พอยังพูดอีกว่าพวกเราชาวบ้านโง่เง่าไม่สมควรมีอาหารกิน”
“เหอะ รอให้ท่านพ่อกลับมาก่อนเถอะ ข้าจะพาท่านพ่อกับท่านลุงเข้าป่ามาล่าสัตว์ ดูสิว่าพวกเขาจะว่ายังไง”
“นั่นสิ ตอนนี้เรากลับออกไปกันก่อนดีกว่า”
“ตกลง พี่ใหญ่เชวียน เรื่องวันนี้อย่าเพิ่งพูดออกไป ตอนนี้ครอบครัวของเรายังไม่มีความสามารถที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ แต่ข้าหยางเสี้ยวคนนี้ ขอสาบานเอาไว้ตรงนี้เลย ข้าจะต้องถลกหน้ากากของพวกเขาออกมาให้ได้ ที่สำคัญ หากเราพูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อพวกเราอยู่ดี เพราะไม่มีหลักฐาน”
“อาเสี้ยวข้าเข้าใจแล้ว”
“ไปดูกันว่าวันนี้จะมีอะไรมาติดกับดักของข้าบ้าง พี่ใหญ่เชวียนท่านเคยเดินทางเข้าไปในเมืองหรือไม่”
“ข้าเคยเข้าไปกับท่านพ่อไม่บ่อยนัก ทำไมหรือ เจ้าจะเข้าตัวเมืองไปทำอะไรหรืออาเสี้ยว”
“เปล่าหรอก ข้าแค่ถามดู พวกเราไปกันเถอะ”
“อืม ถึงเจ้าจะอยากไปก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่าย ๆ ระยะทางจากหมู่บ้านของเรากับตัวเมืองไกลหลายสิบลี้ พวกผู้ใหญ่คงไม่ปล่อยให้พวกเราที่เป็นเด็กไปกันเองหรอก เจ้าเลิกคิดเถอะ”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก ตอนนี้ข้าอยากสะสมเงินซื้อวัวหรือล่อเอาไว้ลากเกวียน แต่คิดว่าคงอีกนาน ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่แค่ซื้อวัวนะ ข้ายังอยากที่จะสร้างบ้านใหม่ซื้อที่ดินเพิ่มด้วย แต่ตอนนี้ข้ายังคิดหาลู่ทางทำเงินไม่ได้เลย”
“ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้ในสักวันอาเสี้ยว พวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะ ต่อไปนี้หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไรข้ายินดีช่วยเจ้าทุกเรื่องที่ข้าสามารถช่วยได้ อย่าลืมบอกข้าล่ะ”
"ได้สิ พอถึงเวลานั้นขึ้นมาข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ"
“เกรงใจ มีอะไรให้เกรงใจกัน พวกเราเป็นพี่น้องกัน เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ข้าเองก็จะพยายามเต็มที่ในส่วนที่ข้าพอจะทำได้”
“ตกลง พี่ใหญ่เชวียน ต่อไปนี้พวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะ”
หลังจากพวกหยางเสี้ยวออกจากป่าบริเวณที่พบกับลูกชายผู้ใหญ่บ้านได้ไม่นาน ลูกชายทั้งสองของผู้ใหญ่บ้านก็เดินกลับมา อีกครั้ง เพื่อมาตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าป่ามาจริง ๆ อีกอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้หูแว่วไปเอง พวกเขาได้ยินเสียงเด็กคุยกัน และเพื่อตรวจสอบว่าไม่ได้คิดไปเอง แต่เมื่อเดินมาถึงที่แล้วกลับไม่พบอะไรหรือร่องรอยอะไรเลย
“หรือว่าข้าจะหูแว่วไปเอง” เฉียนคุนบุตรชายคนโตของผู้ใหญ่บ้าน
“ข้าก็บอกแล้วว่าท่านพี่คิดไปเอง อีกอย่างท่านคิดว่าจะมีเด็กที่ไหนกล้าเข้าป่าลึกมาขนาดนี้ ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาเลย ข้าว่านะท่านคิดมากไปแล้ว” เฉียนซาง
“อืม คงจะจริงอย่าที่เจ้าพูดมา หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่าเพราะพวกเราคอยปล่อยข่าวข่มขู่ออกไปหรือ ชาวบ้านหน้าโง่พวกนั้นไหนเลยจะกล้าเข้ามาในภูเขาอู๋หลง มีแต่พวกขี้ขลาดตาขาวกันทั้งนั้น ไร้ประโยชน์สิ้นดี” เฉียนคุน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยางเสี้ยว หนูน้อยหัวใจแกร่ง