สีหน้าของท่านอ๋องสามพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทีฉุนเฉียวในทันที
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่หลับตาลง ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมานั้น พลันกลายเป็นไอหมอกสีขาวขุ่นในทันที พลางจางหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่หันไปเห็นองครักษ์ที่ยืนถือไม้กระดานรออยู่นั้น ก็ได้แต่ครุ่นคิดกับตนเองภายในใจว่า โทษโบยสามสิบไม้นี้นางคงมิอาจหนีไปไหนได้แล้ว
ในเมื่อหนีมิได้ มิสู้เผชิญหน้ากับมันเสีย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่กำมือของตนเองเอาไว้แน่น ก่อนจะก้มตัวโน้มลงไปในทันที
พละกำลังของเหล่าองครักษ์นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เมื่อไม้โบยถูกเหวี่ยงตกลงมาบนร่างกายของนางนั้น ก็ทำเอาเนื้อบนผิวหนังฉีกขาดออกมา
นิ้วของนางจิกเข้าไปในเนื้อหลังของตนเองในทันใด พลางกัดฟันของตนเองไว้แน่น แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เองยังมิอาจอดทนได้กับโทษโบยสามสิบไม้ ทว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับนิ่งเงียบมิส่งเสียงร้องออกมาสักนิด
หลังจากที่โทษโบยสามสิบไม้เสร็จสิ้นลงนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็หมดสติไปในทันที พร้อมด้วยลมหายใจโรยริน
เหล่าองครักษ์พลันได้แต่มองหน้ากัน
“เอาอย่างไรดี? นางดูเหมือนจะหมดหายใจอยู่รอมร่อแล้ว พวกเราไปเชิญท่านหมอมาตรวจดูอาการของนางหน่อยดีหรือไม่?” องครักษ์คนหนึ่งพลันเอ่ยขึ้นมา
“เมื่อครู่ท่านอ๋องกล่าวว่าห้ามเชิญท่านหมอหลวงมารักษา?” องครักษ์อีกคนหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “สตรีนางนี้ใช้วิธีกผิดจารีตประเพณีในการขึ้นมาเป็นพระชายาของท่านอ๋อง ท่านอ๋องเกลียดรังเกียจนางยิ่งนัก เกรงว่าพวกเราใช้โอกาสนี้ตีนางให้ตายเสียจักดีกว่า นางหาได้มีอันใดมาคู่ควรกับท่านอ๋องของพวกเราไม่? อย่าได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายอันใดให้มากความเลย รีบกลับไปรายงานแก่ท่านอ๋องเจ็ดดีกว่า”
คำพูดขององครักษ์ทั้งสองคนนั้นพลันดังแว่วเข้ามาในหูของฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นระยะ ๆ เสมือนกับเป็นเสียงที่ดังมาจากที่ไกล ๆ
ฉากเบื้องหน้าที่ดำมืด พร้อมทั้งกลิ่นอายของความตายที่ค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามา แม้แต่จะขยับนิ้วมือฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังมิอาจที่จะขยับได้
จิตสำนึกที่ค่อย ๆ เรือนรางเต็มที พร้อมทั้งร่างกายที่ค่อย ๆ เบาตัว เสมือนกับจิตวิญญาณของตนเองที่กำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ มิรับรู้ถึงความรู้สึกในโลกแห่งความจริงใด ๆ ทั้งนั้น
“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้” เสียงร่ำไห้ที่ดังขึ้นมาในหัว “ท่านอ๋องคิดว่าข้าน่ารังเกียจ เป็นไปไม่ได้ คำพูดที่ท่านอ๋องเคยพร่ำบอกต่อข้านั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องหลอกลวงหรือ? ทั้งหมดเป็นเพราะต้องการหลอกลวงข้า?”
“เจ้าช่างโง่จริง ๆ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิดในยามที่กำลังจ้องมองไปยังตัวตนของนางอีกคนหนึ่ง พลันเอามือวางไว้บนหัวของนาง “เรื่องระหว่างเจ้ากับฉินเสวี่ยเย่ว์นั้น ท่านอ๋องสามเองก็ทรงทราบดี ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นท่านอ๋องเองที่วางแผนนี้ขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ ผู้ที่ตกอยู่ในโคลนตมล้วนมีเพียงแค่เจ้า”
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ ทุกอย่างจักเป็นเรื่องหลอกลวงไปได้อย่างไรกัน?”
“เจ้าเองก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของชายเจ้าเล่ห์และหญิงอสรพิษเช่นนั้นแล้ว เจ้ายังคิดหลงเชื่องมงานอยู่อีกหรืออย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ถอนหายใจออกมา “โลกมนุษย์มิคู่ควร เหตุใดเจ้าต้องทรมานตนเองเพียงเพื่ออ้อยเน่า ๆ ก้านเดียวด้วย ข้าทนมิไหวแล้ว ร่างนี้ข้าขอคืนมันให้กับเจ้าเสีย เจ้าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขเถิด อย่าได้จมปลักอยู่กับความโง่อีกเลย”
“ไม่ ข้ามิอาจทนไหวแล้ว ที่ข้ายังอดทนมิยอมจากไปนั้น นั่นเป็นเพราะข้ายังมิวางใจ ในเมื่อวันนี้ข้าได้คำตอบ ได้รับความจริงที่ตนเองควรรู้แล้ว ข้าก็มิมีสิ่งใดให้ต้องห่วงอีก ข้ายินยอมที่จะจากไปแต่โดยดี แต่เจ้ายังมีหนทางรอด ฉะนั้นแล้ว เจ้าจักต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ช่วยข้าล้างแค้นพวกมันเสีย ข้าฝากด้วยเล่า”
น้ำเสียงที่ค่อยแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ หลังจากพูดจนจบนั้น ร่างวิญญาณสุดท้ายพลันถูกดูดเข้าไปในร่างของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันที
หลังจากที่วิญญาณกลับเข้ามาในร่างแล้วนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงได้ฟื้นขึ้นมา
พร้อมทั้งอาการเจ็บปวดที่ถาโถม รวมไปถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลไปทั่วร่าง นับว่าเป็นความจริงที่เสมือนมิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
เมื่อครู่ นางคล้ายกับกำลังตกอยู่ในห้วงของความฝันก็ไม่ปาน
ในความฝันนั้น วิญญาณของเจ้าของร่างเดิมได้นำดวงวิญญาณสุดท้ายของนางกลับเข้ามายังในร่างนี้ ทั้งยังยินยอมให้นางได้เข้าครอบครองร่างนี้แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป
เสียงพร่ำบ่นมากมายที่เคยดังขึ้นมาในหัวก็ได้สลายหายไป
คงไว้แต่เพียงจิตใจที่สงบนิ่ง พร้อมด้วยกลิ่นอายของพลังวิญญาณที่ทำให้นางรู้ซึ้งถึงการฟื้นคืนจากความตายขึ้นมาในทันที
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ใช้นิ้วมือของตนจิกลงไปในปลอกหมอน พลางหลับตาลงกล่าวออกมาว่า "เจ้าวางใจเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเคยได้รับ ข้าจักช่วยเอาคืนให้กับเจ้าเป็นร้อยเป็นพันเท่าเอง"
ถึงแม้ตนเองจักเอ่ยออกมาเช่นนั้น แต่สถานการณ์ของนางในยามนี้หาได้ดีไม่
หลังจากที่นางตกอยู่ในทะเลสาบเป็นเวลานานนั้น ทั้งยังต้องมาถูกโทษโบยสามสิบไม้เช่นนี้อีก นางรู้สึกเวียนหัว พร้อมทั้งหน้าผากที่เกิดอาการร้อนผาวขึ้นมา อาการไข้ขึ้นสูงเช่นนี้อาจทำให้นางหมดสติไปเลยก็ได้
ทักษะทางการแพทย์ที่นางได้รับการสืบทอดมาจากปู่ของนางจักไปมีประโยชน์อันใดเล่า?
ที่นี่มิแม้แต่ยาลดไข้ ยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบเลยสักนิด เกรงว่านางคงจักได้ตกตายไปอีกรอบหนึ่งแล้วกระมัง
เมื่อมีความคิดเช่นนี้โผล่เข้ามาในหัวนั้น ทำเอาฉินเหยี่ยวเย่ว์นึกโศกเศร้าในโชคชะตาของตนเองยิ่งนัก ในยามที่ปู่ของนางเสียนางยังมิทันได้มีโอกาสกลับไปหาเลยเสียด้วยซ้ำ ยังมิทันที่นางจะได้กลับไปถึงบ้านกลับต้องมาถูกชายชุดดำจับตัวไปเสียก่อน หลังจากที่นางจับพลัดจับผลูมาโผล่ในร่างนี้นั้น ยังมิทันจะได้สติดีกลับต้องมาตายอีกรอบแล้วหรือ
เหตุใดนางถึงโชคร้ายเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน