ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี นิยาย บท 7

เฟิ่งชูอิ่งออกมายืนหน้าเรือนแล้วส่งเสียงตะโกน “ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที ไฟไหม้! รีบมาช่วยกันดับไฟเร็วเข้า!”

ไฟลุกท่วมขนาดนี้ จึงกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนได้อย่างง่ายดาย

บ่าวรับใช้ในจวนสกุลหลินวิ่งวุ่นช่วยกันดับไฟ จะไม่ช่วยก็ไม่ได้ เพราะเพลิงลุกไหม้หนักขนาดนี้ หากปล่อยเอาไว้อาจจะลามไปไหม้เรือนอื่นๆ ในจวนได้

ระหว่างที่บ่าวช่วยกันดับไฟ เฟิ่งชูอิ่งก็แสร้งยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ “ไอ้หยา ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกสาวของพวกท่านชีวิตอาภัพยิ่งนัก!”

“สมบัติที่พวกท่านทิ้งไว้ให้ข้าล้วนอยู่ข้างในนั่น ต่อจากนี้ไปหากข้าคิดถึงพวกท่านขึ้นมา แค่ของจะดูต่างหน้าก็ยังไม่มีเลย!”

จากตอนแรกที่บ่าวรับใช้ในเรือนแค่มาช่วยกันดับไฟตามหน้าที่เฉยๆ หลังจากได้ยินคำพูดของนางเข้าไป แต่ละคนก็เร่งดับไฟกันอย่างขยันขันแข็งทันที

พวกเขาต่างวาดหวังว่าทรัพย์สินพวกนั้นจะยังไม่ถูกไฟไหม้เสียหาย หลังดับไฟเสร็จพวกเขาจะได้หยิบฉวยติดไม้ติดมือกลับไป

เพราะพวกเขาลงทุนลงแรงดับไฟกันอย่างเต็มที่ บางคนถึงขั้นได้รับแผลจากไฟไหม้

เฟิ่งชูอิ่งมองพวกเขาดับไฟ ร่ำไห้ฟูมฟายว่า “กำไลที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้ให้ข้า ป้ายหยกที่ท่านพ่อเหลือเอาไว้ให้ข้า! พวกมันเป็นของดูต่างหน้าชิ้นสุดท้ายที่ข้ามีอยู่!”

ก่อนหน้านี้นางสำรวจอย่างละเอียดแล้ว เรือนโกโรโกโสของนางไม่มีของล้ำค่าอยู่แม้แต่อย่างเดียว

ตอนที่ร่างเดิมหนีตามผู้ชาย นางขนทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปด้วยทั้งหมด แล้ววันนี้นางก็ยกของมีค่าทั้งหมดนั้นให้เจ้าอาวาสไปแล้ว เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้

ที่ตัวนางตอนนี้ นอกจากไข่มุกสองเม็ดที่แอบขโมยออกมากับตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่ได้จากหลินชูเจิ้ง ก็ไม่มีของมีค่าอื่นใดอีก

หลินชูเจิ้งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “อยู่ดีๆ ทำไมถึงเกิดไฟไหม้ได้ล่ะ?”

เฟิ่งชูอิ่งตอบเสียงสะอื้น “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ พอกลับมาถึงเรือนข้าก็เตรียมตัวจะเข้านอน แล้วจู่ๆ ไฟก็ลุกไหม้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น!”

เฟิ่งชูอิ่งเล่าจบก็ถามหลินชูเจิ้ง “ท่านลุง หรือว่าจะมีคนคิดสังหารข้าเจ้าคะ ถึงได้วางเพลิงหวังจะเผาข้าให้ตาย?”

หลินชูเจิ้ง “......”

นัยน์ตาของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย เพราะมันมีโอกาสเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ทว่าปากเขากลับบอกว่า “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นหรอก!”

เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่สาวเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร วันนี้ข้าเผลอทำนางบาดเจ็บไป นางคงไม่ได้คิดจะเผาข้าให้ตายกระมัง?”

หลินชูเจิ้งรีบปฏิเสธทันควัน “ไม่มีทาง พี่สาวของเจ้ามีจิตใจงดงาม ไม่มีทางทำเรื่องพรรค์นี้หรอก”

เฟิ่งชูอิ่งลากเสียง ‘อ้อ’ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านลุง พวกเขาลือกันว่าอ๋องฉู่มีดวงกินภรรยา ว่าที่พระชายาเจ็ดคนก่อนหน้านี้ล้วนถูกเขาฆ่าตาย ข้าคงไม่ถูกดวงชะตาของเขากัดกินไปด้วยกระมัง?”

ตอนนี้มีคนหมายหัวนางอยู่มากมาย นางก็แค่ต้องทำเป็นพูดจาไร้สาระไปเรื่อยๆ แล้วให้หลินชูเจิ้งไปนั่งเดาเอาเอง!

อย่างไรเสียพวกเขาก็คิดไม่ถึงหรอก ว่านางคือคนร้ายที่วางเพลิงเอง

หลินชูเจิ้งเปลี่ยนสีหน้าไปมาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยเสียงกดต่ำ “ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก อย่าได้พูดจาเหลวไหล!”

เฟิ่งชูอิ่งส่งเสียง ‘อ้อ’ ตอบรับสั้นๆ ก่อนจะแสดงท่าทีหวาดระแวงอยู่ไม่สุข

ตอนนี้พวกบ่าวควบคุมเพลิงได้แล้ว หลินชูเจิ้งจึงเรียกตัวผู้ดูแลจวนมา เพื่อจัดเตรียมที่พักใหม่ให้เฟิ่งชูอิ่ง

วันนี้เขาเพิ่งจะแสดงภาพลักษณ์ท่านลุงผู้แสนดีต่อหน้าเฟิ่งชูอิ่งไป ดังนั้นจะกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้โดยเด็ดขาด ถึงได้ยอมเรียกผู้ดูแลมาจัดหาที่พักใหม่ให้นาง

จวนสกุลหลินเป็นเรือนสามประตู[footnoteRef:1] เรือนพักในปัจจุบันของเฟิ่งชูอิ่งคือห้องเก็บฟืนที่อยู่ในมุมอับลับตาคน [1: บ้านในสมัยก่อนของคนจีน มีสามประตูทางเข้า ซึ่งจะแบ่งบ้านออกเป็นสามส่วนได้แก่เรือนส่วนหน้า ส่วนกลางและส่วนหลัง

]

แต่ที่นี่ถูกไฟเผาวอดไปแล้ว จึงเหลือห้องพักที่ยังว่างอยู่อีกสองแห่งเท่านั้น ที่แรกคือห้องพักที่อยู่ติดกับเรือนของหลินหว่านถิง ส่วนอีกที่เป็นโรงเพาะชำที่ทั้งมืดและชื้น

เฟิ่งชูอิ่งตั้งใจจะให้ไปพักที่โรงเพาะชำแห่งนั้น แต่กลับได้ยินเสียงนางเอ่ยว่า “ติดกับเรือนของพี่สาวยังมีห้องว่างอยู่ ถ้าอย่างไรข้าย้ายไปอยู่ที่นั่นก็แล้วกัน!

“ท่านลุงมักจะกล่าวว่าเห็นข้าเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆ คงจะไม่ได้พูดส่งเดชกระมัง”

บทที่ 7 1

บทที่ 7 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี