สาวใช้นางนั้นตอบรับหนึ่งเสียง ก่อนจะถือมีดทำครัวเดินจากไปด้วยท่าทางเหม่อลอย มุ่งหน้าตรงไปยังห้องของฮว๋าซื่อ
เนื่องจากเวลานี้ดึกมากแล้ว บรรยากาศรอบตัวจึงมืดสนิท แม้จะมีข้ารับใช้ในจวนมองเห็นสาวใช้คนนั้น แต่ก็ไม่มีใครสนใจ อีกทั้งพวกเขายังเดินห่างกันมาก จึงมองไม่เห็นบาดแผลบนศีรษะของนาง
เนื่องจากหลินชูเจิ้งยกห้องพักที่ติดกับเรือนของหลินหว่านถิงให้เฟิ่งชูอิ่ง จึงถูกฮว๋าซื่อบ่นเสียยกใหญ่ คืนนี้เขาจึงไม่ไปนอนค้างที่เรือนของ และขลุกอยู่ในเรือนของอนุภรรยาแทน
เวลานี้หลินหว่านถิงก็อยู่ในห้องของฮว๋าซื่อด้วย สองแม่ลูกกำลังช่วยกันคิดว่าจะจัดการเฟิ่งชูอิ่งอย่างไรดี
วันนี้หลินหว่านถิงถูกเฟิ่งชูอิ่งเอารัดเอาเปรียบทำร้ายสารพัด แค่นี้นางก็แทบจะข่มความโกรธไว้ไม่ไหวแล้ว
ต่อมานางยังได้ยินอีกว่าเฟิ่งชูอิ่งจะย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ นางจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป
เฟิ่งชูอิ่งมันมีอะไรดีกัน มีสิทธิ์อะไรย้ายเข้าไปพักอาศัยในห้องที่ดีขนาดนั้น แล้วยังอยู่ติดกับเรือนของนางอีก?
นางพูดกับฮว๋าซื่อด้วยตาแดงก่ำ “ท่านแม่ ท่านหาข้ออ้างย้ายนังเฟิ่งชูอิ่งไปไกลๆ ได้หรือไม่”
“อีกเดี๋ยวนางก็จะตายแล้ว ให้นางมาอยู่ติดกับข้าขนาดนั้น ช่างน่าสะอิดสะเอียนเกินทน”
คอของนางมีผ้าพันแผล ซึ่งบนผ้าพันแผลสีขาวก็ปรากฏคราบเลือดประปราย บาดแผลเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของเฟิ่งชูอิ่งทั้งสิ้น
เรื่องในวันนี้นางอุตส่าห์วางแผนมาตั้งเนิ่นนาน เดิมทีคิดว่าครั้งนี้จะสามารถกำจัดเฟิ่งชูอิ่งได้แบบสะอาดหมดจด ไม่คิดเลยว่านอกจากแผนการจะล้มเหลวแล้ว นางยังได้แผลมาอีก
ฮว๋าซื่อกดเสียงต่ำ “นังสารเลวนั่นกลับมาคราวนี้ทำตัวผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด แต่ในเมื่อนางถูกกำหนดให้แต่งงานกับอ๋องฉู่ ก็สมควรตายได้แล้ว”
นางไม่คิดจะเก็บเฟิ่งชูอิ่งไว้ตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้นอกจากจะถูกเฟิ่งชูอิ่งกดข่ม นางยังถูกหลินชูเจิ้งตบหน้าอีกต่างหาก แค่คิดนางก็โกรธจนแทบบ้าแล้ว
หลินหว่านถิงเอ่ยถาม “ท่านแม่ พวกเราควรจะฆ่านางอย่างไรดี?”
นัยน์ตาของฮว๋าซื่อสาดประกายอำมหิต นางกดเสียงตอบว่า “ตอนนี้นางเป็นว่าที่พระชายาของอ๋องฉู่ พวกเราฆ่านางอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”
“หากนางจะตาย ก็ต้องไปตายข้างนอกจวน อีกสองวันข้าจะพานางไปจุดธูปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็จ้างคนมาข่มขืนนางแล้วฆ่าทิ้งซะ!”
ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นางทำแต่เรื่องแย่ๆ กับเฟิ่งชูอิ่งตลอด เพราะอยากจะฆ่านางให้ตายตั้งนานแล้ว
แต่หลินชูเจิ้งกลับห้ามปรามและบอกกับนางว่า เฟิ่งชูอิ่งอายุสิบกว่าปีแล้ว สามารถจับนางแต่งงานแลกสินสอดจำนวนมหาศาลได้
ด้วยสาเหตุนี้ แม้ฮว๋าซื่อจะทำร้ายเฟิ่งชูอิ่งสารพัด แต่ก็ไม่เคยเล่นงานนางให้ถึงตาย
เพราะนางมองว่าครอบครัวฝั่งบิดาของเฟิ่งชูอิ่งล้มหายตายจากไปหมดสิ้นแล้ว ครอบครัวฝั่งมารดาก็เหลือแค่หลินชูเจิ้งที่เป็นลุงแค่คนเดียว ถือเป็นเด็กกำพร้าอย่างแท้จริง
เด็กกำพร้าแบบนี้นางคิดจะต้มยำทำแกงอย่างไรก็ย่อมได้ ต่อให้นางเกิดตายขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีใครโผล่มาเรียกร้องเอาผิดหรอก
หลินหว่านถิงเตือนฮว๋าซื่อ “ท่านแม่ คราวนี้พวกเราจะต้องทำทุกอย่างให้รอบคอบ จะได้ไม่ผิดพลาดอีก
“ท่านอ๋องเฉินบอกแล้ว หากข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จ เขาก็จะรีบทูลขอสมรสพระราชทาน แต่งตั้งข้าเป็นพระชายาเอกของเขา”
ฮว๋าซื่อหัวเราะคิกคัก “ข้าลงมือเองทั้งที เจ้าวางใจได้เลย!”
เสียงกุกกักดังมาจากหน้าประตู นางจึงหันกลับไปมอง พบว่าเป็นอดีตสาวใช้ของเฟิ่งชูอิ่งเดินเข้ามาในสภาพเลือดอาบศีรษะ
นางกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าเป็นบ้าหรืออย่างไร? ดึกดื่นขนาดนี้มาที่ห้องของข้าทำไมกัน?”
สาวใช้คนนั้นตอบเสียงยานคาง “พวกเจ้ารังแกเด็กสาวกำพร้า ทำตัวไร้มโนธรรม ข้าในนามตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์แกเอง[footnoteRef:1]!” [1: เป็นคำพูดประจำตัวของตัวละครเซเลอร์มูน
]
นางกล่าวจบก็เงื้อมมีดทำครัวขึ้นกลางอากาศ จ้วงแทงใส่ฮว๋าซื่อ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายของฮว๋าซื่อ นางจึงไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกมีดทำครัวฟันโดนไหล่ไปเต็มๆ
มีเสียง “กรี๊ด” โหยหวนเหมือนหมูถูกเชือดดังก้องไปทั่วทั้งจวนสกุลหลิน
เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงดังกล่าวก็คลี่ยิ้มบางๆ พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
ความทุกข์ที่ร่างเดิมเคยได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็มาจากฮว๋าซื่อทั้งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี