ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 258

ตามสิ่งที่โม่ซุนได้ว่ามา ยาอายุวัฒนะฮวาอวี่ต้องรวบรวมเจ็ดเครื่องหอมและสิบสองแก่นแท้แห่งโอสถให้ครบ แล้วใส่เข้าไปในเตาหลอม สกัดให้ครบเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน จึงจะกลายเป็นโอสถ

ส่วนเจ็ดเครื่องหอมก็คือสิ่งที่ซูจื่ออวี๋ได้พูดไว้ มีไม้กฤษณา ไม้จันทน์หอม ยางสน กำยาน กานพลู โกฐกระดูกและพิมเสนป่า

ส่วนสิบสองแก่นแท้แห่งโอสถได้แต่ แก่นสวรรค์ปาจี๋ แก่นพิภพเสาเย่า แก่นสุริยันอูโถว แก่นจันทรากวนกุ้ย แก่นภูเขาเจี๋ยเกิ่ง แก่นอสูรหลางตู๋ แก่นภูตกุ่ยจิง แก่นสนฝูหลิง แก่นเต๋าหย่วนจื้อ แก่นสมาธิฝูเสิน แก่นไหมตู้จ้งและแก่นมนุษย์หนิงลู่

โม่ซุนพูดต่อว่า

“แม้จะรู้ว่าต้องใช้สมุนไพรกับเครื่องหอมพวกนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าปริมาณที่ถูกต้องคือเท่าใด ทว่า ต่อให้รู้ว่าต้องใช้เท่าใด ก็ไม่มีใครสามารถหาสมุนไพรพวกนี้มาครบได้ ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงแค่เครื่องหอมร้อยปี ก็หายากแล้ว ยิ่งบวกกับสิบสองแก่นแท้แห่งโอสถอีกยิ่งไม่ต้องพูดถึง”

ซูจื่ออวี๋สงสัยอย่างมาก เพราะในความคิดของนาง ยาอายุวัฒนะฮวาอวี่ที่พูดถึงเหมือนตำนาน เหมือนเรื่องเล่า

แต่ตอนนี้กลับมีคนบอกนางว่า ตำนานเรื่องเล่านี้ สามารถกลายเป็นเรื่องจริงได้ นางจึงยากที่จะควบคุมความสงสัยในใจ

ซูจื่ออวี๋เอ่ยปากถาม

“เช่นนั้นปาจี๋เอย เสาเย่าเอย อูโถวเอย...พวกนี้ล้วนเป็นสมุนไพรทั่วไป แต่แก่นสวรรค์ปาจี๋มันคือสิ่งใดเล่า?”

โม่ซุนอธิบายต่อ

“ที่เรียกว่าสิบสองแก่นแท้แห่งโอสถ เพราะมันดูดซับพลังฟ้าดินพลังสุริยันจันทรา เป็นสมุนไพรที่เติบโตมีอายุตั้งแต่ร้อยปีจนกระทั่งพันปี ถือเป็นของชั้นยอดในหมู่สมุนไพร ท่ามกลางปาจี๋เป็นล้านตัน อาจจะมีแก่นสวรรค์ปาจี๋เพียงต้นเดียวเท่านั้น”

ซูจื่ออวี๋ถามต่อ

“แล้วเช่นนั้นจะแยกได้อย่างไรว่าปาจี๋ต้นหนึ่งเป็นแก่นโอสถหรือสมุนไพรทั่วไป?”

โม่ซุนหัวเราะบอกว่า

“ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ หลังจากสิบสองแก่นแท้แห่งโอสถถูกขุดขึ้นมา จำต้องใช้กล่องหยกเย็นเก็บรักษาเอาไว้ ส่วนสิบสองแก่นแท้แห่งโอสถที่อยู่ในกล่องหยก แม้เวลาจะผ่านไปแต่ยังคงรักษาความสดใหม่ไว้ได้ ไม่ว่าผ่านไปสักกี่ปีก็ไม่เน่าเปื่อยไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าสมุนไพรทั่วไปไม่ว่าจะเก็บรักษาอย่างไร สรรพคุณของยาจะจางหายไปเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นเพียงธุลีดิน ยังมีสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง สิบสองแก่แท้แห่งโอสถ ล้วนเป็นสีน้ำเงิน”

ซูจื่ออวี๋มองโม่ซุนตาลุกวาว ความเลื่อมใสในดวงตาแทบจะล้นทะลักออกมา

จวินมู่เหนียนหน้าเข้ม พร้อมทั้งพูดอย่างไมต้องสงสัย

“กินก่อน” เมื่อพูดจบจวินมู่เหนียนได้คีบน่องไก่ขาหนึ่งมาไว้ในถ้วยของซูจื่ออวี๋แล้ว พร้อมทำท่าหากนางไม่กินเขาจะป้อนนางเอง

มุมปากซูจืออวี๋กระตุก บอกว่า

“ท่านอ๋อง ตกลงพิษในกายท่านสำคัญหรือว่าปากท้องข้าสำคัญ? ข้าหิวแค่นี้ไม่ตายหรอก แต่ว่าพิษในกายของท่านล่าช้าไม่ได้นะ”

จวินมู่เหนียนชะงักไปสักครู่ คิดไม่ถึงว่าที่ซูจื่ออวี๋สืบเสาะตำรายาอายุวัฒนะฮวาอวี่ก็เพื่อเขาหรือนี่?

หันหรูเฟิงก็ชะงักไปเช่นกัน ไม่คิดว่าอาซ้อน้อยจะมีความรักลึกซึ้งให้กับศิษย์พี่รองของเขาขนาดนี้ ถึงได้ใส่ในเขาตลอดเวลา

โม่ซุนเองก็ชะงักไปเช่นกัน แม้แต่เขายังดูไม่ออกว่าจวินมู่เหนียนถูกพิษ แล้วซูจื่ออวี๋แน่ใจได้อย่างไร?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ